svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

นายกฯ ถก สมช.แก้ปัญหาไทย-กัมพูชา ให้หน้างานประเมินหากต้องปะทะ

ทุกอย่างยังโอเค! นายกฯ ถก สมช.แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เคลียร์อำนาจหน้าที่รัฐบาลกับกองทัพ มอบหน้างานประเมินหากต้องปะทะ

6 มิถุนายน 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุม สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เพื่อหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ระบุว่า วันนี้มีการพูดคุยถึงมาตรการต่างๆ ในการรับมือสถานการณ์ หลังจากเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ไปคุยกับทีมกัมพูชา
 

ยืนยันขณะนี้สถานการณ์ยังโอเคอยู่ ทั้งกองทัพและรัฐบาล ปรึกษากันตลอดก่อนที่จะดำเนินการใดใด อำนาจไหนเป็นของใคร วันนี้สิ่งที่ต้องการคือความเป็นเอกภาพในการทำงานทั้งหมด ได้คุยกับ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดีอี ว่า ไม่อยากให้เกิดกระแสหรือการปลุกปั่นว่า รัฐบาลกับกองทัพมีปัญหากัน ซึ่งความจริงแล้วไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น มีแต่การสนับสนุนกันอย่างดี และมีการเคลียร์กันว่า อำนาจหน้าที่ เนื้องานเป็นอย่างไรใครจะตัดสินใจ
 

ส่วนเรื่องการเจรจา และรายละเอียดอาจจะไม่ได้ให้รายละเอียดทั้งหมด แต่ขณะนี้ยืนยันว่า มีความเข้าใจและ ยังไม่มีความรุนแรงที่ขยายมากขึ้น ขณะนี้ ทางกองทัพก็ ยืนยัน มีการจำกัดวงเพื่อไม่ให้ขยายความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่รัฐบาลสนับสนุนอยู่แล้ว
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

 

เคลียร์อำนาจรัฐบาล-กองทัพ ให้หน้างานประเมินหากต้องปะทะ
 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องอธิปไตยเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่หากเปรียบว่าเป็นบ้านจันทร์ส่องหล้า หรือ บ้านของนายกรัฐมนตรีเอง มีคนมารุกราน นายกจะแก้ปัญหาอย่างไรให้รวดเร็วกว่านี้ นายกรัฐมนตรีระบุว่า เมื่อวานนี้มีการพูดคุยกันแล้ว แต่รายละเอียดต้องเคารพทั้งสองฝ่ายว่า สามารถให้ข้อมูลได้มากน้อยแค่ไหน เพราะขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจา เข้าใจว่าสื่อมวลชนอยากได้เนื้อข่าว แต่การพูดคุยของทั้งสองฝ่ายโอเคทั้งหมด

ขณะเดียวกันกองทัพก็ยืนยันแล้วว่า มีความพร้อมทุกรูปแบบ พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ซึ่งกองทัพทราบอยู่แล้วว่าเหตุการณ์หน้างานเป็นอย่างไร ถึงเวลาที่ต้องปะทะหรือยัง และเป็นการตัดสินใจของกองทัพจะเป็นคนประเมินหน้างานว่า ถึงขั้นที่ต้องปะทะหรือไม่  แต่หากยังไม่จำเป็น การที่จะปะทะไปจะเกิดความเสียหาย มากกว่าแรงเชียร์ที่ต้องการให้เกิดการปะทะ พร้อมย้ำว่า ต้องใช้สันติวิธีให้ได้มากที่สุด ยืนยันว่าไม่มีใครช้าในเรื่องนี้ ทุกคนทำกันหมดแหละคุยกันหมดแล้ว อยู่ที่ว่าจะฟังส่วนไหนไม่ฟังส่วนไหนมากกว่า  และรัฐบาลก็มีการออกแถลงการณ์ไปสองฉบับ ในการดำเนินการและแนวทางที่ประเทศไทยจะไปต่อ
นายกฯ ถก สมช.แก้ปัญหาไทย-กัมพูชา ให้หน้างานประเมินหากต้องปะทะ

 

ด้าน นายภูมิธรรม ย้ำว่า เรายังคงยืนยันในหลักการปกป้องอธิปไตย และดำรงความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ โดยการพูดคุยวันนี้หลักการสำคัญมีอยู่สามด้าน คือ การต่างประเทศ กองทัพ และการสื่อสาร ซึ่งจะมีการปรับให้ชัดเจนขึ้น เพื่อให้เกิดการร่วมกันทำงาน ก่อนยืนยันว่ากองทัพพร้อมที่จะรักษาเอกราชอธิปไตยของประเทศ และบูรณภาพแห่งดินแดน ซึ่งได้มีการพูดคุยเป็นเนื้อเดียวกัน

โดยกระทรวงการต่างประเทศ จะเป็นเจ้าภาพหลักในการชี้แจงเรื่องนี้ และจะประสานกับโฆษกกระทรวงกลาโหม กองทัพบก และดีอี เพื่อไม่ให้บรรยากาศการเจรจาหรือการหาข้อสรุปเกิดขึ้นยากลำบาก
 

“สมช. เห็นพ้องกันว่าอธิปไตยถือเป็นเรื่องสำคัญหลักที่ต้องดูแลอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องอื่นๆ จะประคองให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ให้เกิดการเสียประโยชน์ทั้งประเทศเราและประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมด ที่จะมีภาระความจำเป็นต่อเนื่องกันอีก อย่างเรื่อง ยาเสพติด ไซเบอร์ จึงอยากให้ความขัดแย้งจำกัดวงให้ได้มากที่สุด”
 

ด้าน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า  ในส่วนของการต่างประเทศและการทหาร ต้องไปด้วยกันเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากทั้งสองประเทศ มีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาอย่างยาวนาน และเห็นพ้องกันว่าการเจรจา กับฝ่ายกัมพูชา ต้องใช้กลไกที่มีอยู่ ในปัจจุบัน เป็นหลัก คือทวิภาคี และเป็นสิ่งที่ผู้นำสองฝ่ายได้พูดคุยกันตั้งแต่ต้น คือใช้กลไกคณะกรรมการที่มีอยู่แล้ว ทั้ง JBC RBC หรือ GBC ที่เป็นกลไกหลักในขณะนี้

เป้าหมายของการเจรจาในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ระหว่างคณะกรรมการร่วมสองฝ่ายจะต้องเน้น เรื่องของจุดปะทะ เพื่อแก้ปัญหาการกระทบกระทั่งกันเป็นหลัก เรื่องอื่นๆ เราจะยังไม่ให้ความสำคัญ จะพูดเรื่องของการแก้ปัญหาที่มีการเผชิญหน้า และลดความตึงเครียด ในกรอบของกำลังทหารร่วมกัน ให้เป็นเรื่องเป็นราว ซึ่ง JBC มีหน้าที่อยู่แล้ว ที่จะเจรจาเรื่องเขตแดน เพราะฉะนั้นจะดำเนินการไปพร้อมกัน แต่สิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือการพูดคุยลดความรุนแรง ลดบรรยากาศ ที่จะมีการกระทบกระทั่งกัน เป็นหลัก

ส่วนการชี้แจง จะมีการประสานความร่วมมือกันกับกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพบก ร่วมกับกระทรวงกลาโหม เพื่อให้การสื่อสารแก่ประชาชนให้เข้าใจ ทุกอย่างไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมระบุว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเรื่องข่าวสาร มากยิ่งขึ้นกว่านี้ ยืนยันว่า การทหารและการต่างประเทศไปด้วยกันอย่างแน่นอน
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ

ขณะที่ พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ประเด็นแรกได้เน้นย้ำว่า กองทัพสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ปัญหาและคลี่คลายสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้วยสันติวิธี เป็นเรื่องแรก

ส่วนเรื่องที่ 2 กองทัพได้ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการรักษาอธิปไตย และคุ้มครองปกป้องประชาชนตามแนวชายแดนซึ่งได้ดำเนินการมาตลอด

เรื่องที่ 3 ได้ยืนยันว่า ในการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพวันนี้ เป็นการประชุมตามวงรอบปกติ ทุก 2 เดือน ซึ่งแน่นอนว่าจะมีการพูดคุยเรื่องสถานการณ์ไทย-กัมพูชาด้วย ในลักษณะที่สนับสนุนแนวทางของรัฐบาล และแนวทางของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ได้ประชุมกันวันนี้ และเพื่อความโปร่งใสหลังการประชุมเสร็จ จะมีเอกสารการแถลงข่าวออกมาว่าสิ่งที่คุยกันวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง ส่วนที่ไม่ได้เชิญสื่อมวลชน เพราะเป็นการทำงานแบบมืออาชีพ และอยากให้เป็นการสื่อสารในแนวทางเดียว คือกระทรวงต่างประเทศ รัฐบาล กระทรวงกลาโหมและกองทัพ และตนในฐานะผู้ปฏิบัติงานขอสงวนการให้ข้อมูลในเรื่องนี้
นายกฯ ถก สมช.แก้ปัญหาไทย-กัมพูชา ให้หน้างานประเมินหากต้องปะทะ
 

นายกไม่ตอบทักษิณคุยกัมพูชาหรือไม่
 

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินออกจากวงแถลงข่าว  ก่อนที่ผู้สื่อข่าวจะถามว่าจะให้นายทักษิณชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีไปพูดคุยกับ กัมพูชาด้วยหรือไม่ โดยรัฐมนตรีมีสีหน้าเรียบเฉยและไม่ได้ตอบคำถามก่อนจะขึ้นรถกอล์ฟ กลับไปปฎิบัติหน้าที่ที่ตึกไทยคู่ฟ้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้ยกเลิกภารกิจการประชุมติดตามมาตรการป้องกันปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
นายกฯ ถก สมช.แก้ปัญหาไทย-กัมพูชา ให้หน้างานประเมินหากต้องปะทะ