
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2569 วงเงิน 3,780,600ล้านบาท ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาในวาระแรก โดยระบุว่า ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ที่รัฐบาลนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและความเสมอภาคทางสังคม ผ่านการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทต่าง ๆ และนโยบายสำคัญของรัฐบาล เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์และประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน โดยเศรษฐกิจในปี 2569 คาดว่า จะขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.3 - 3.3 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการอุปโภคบริโภค การลงทุนภาคเอกชน และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว แต่การดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ สำหรับอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ในช่วง ร้อยละ 0.5 - 1.5 และดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มเกินดุลร้อยละ 2.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงฐานะการคลัง และหนี้สาธารณะคงค้าง ณ เดือนมีนาคม 2568 ว่า มีจำนวน 12 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 64.4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบการบริหารหนี้สาธารณะ และปัจจุบันฐานะเงินคงคลัง ณ วันที่ 30 เมษายน 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 252,124.8 ล้านบาท โดยรัฐบาล จะบริหารเงินคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และบริหารรายรับและรายจ่ายของรัฐให้มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุด
นายกรัฐมนตรี ยังคาดว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากนโยบายการค้าโลก อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มลดลงต่ำกว่ากรอบเป้าหมายจากราคาน้ำมันดิบโลกและมาตรการภาครัฐ ซึ่งมีส่วนช่วยบรรเทาค่าครองชีพและลดต้นทุน ของภาคธุรกิจ ด้านภาวะการเงินโดยรวมยังตึงตัว คณะกรรมการนโยบายการเงินคำแถลงประกอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 จึงมีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็นร้อยละ 1.75 ต่อปี ในการประชุมเดือนเมษายน 2568 เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและรองรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งสามารถดูแลภาวะการเงิน ให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่เปลี่ยนไป
นายกรัฐมนตรี ยังย้ำความจำเป็นถึงการดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุลว่า เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ รวมถึงสนับสนุนการฟื้นตัวและส่งเสริมอัตรา การขยายตัวทางเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
สำหรับสาระสำคัญของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ฉบับนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 3,780,600 ล้านบาท จำแนกเป็นรายจ่ายประจำ จำนวน 2,652,301.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 70.2 รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน 123,541.1 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 3.3 รายจ่ายลงทุน จำนวน 864,077.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 22.9 และรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 151,200 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 4.0 โดยรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ที่เป็นรายจ่ายลงทุนกรณีการกู้เพื่อการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 10,519.6 ล้านบาท
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงงบประมาณในยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน 415,327.9 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.0 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อพัฒนาความมั่นคงของประเทศ อาทิ การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ งบประมาณ 1,475.0 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ขยายโอกาสการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และการใช้ภาษาที่หลากหลาย ระงับยับยั้งการบ่มเพาะทางความคิดที่อาจบิดเบือนจากหลักศาสนา ตลอดจนขยายความร่วมมือกับองค์กรต่างประเทศและภาคประชาชน
ส่วนการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีงบประมาณ 5,462.3 ล้านบาท เพื่อให้ปัญหายาเสพติดได้รับการแก้ไข เด็ก เยาวชน ผู้ใช้แรงงาน และประชาชนรู้เท่าทันและปลอดภัยจากยาเสพติด จับกุมผู้ผลิต ผู้ค้า และผู้มีอิทธิพล รวมถึงร่วมมือกับต่างประเทศในการควบคุมและสกัดกั้นยาเสพติด ตลอดจนให้การช่วยเหลือผู้เสพยาเสพติดที่เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา รวมถึงยังมีงบประมาณ สำหรับการพัฒนาระบบการเตรียมพร้อมแห่งชาติและระบบบริหารจัดการภัยพิบัติ งบประมาณ 26,685.5 ล้านบาท เพื่อบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภายในและภายนอกประเทศ ในการเตรียมความพร้อมช่วยเหลือ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและภัยพิบัติ โดยพัฒนา ระบบเตือนภัยให้รองรับและครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงภัยทั่วประเทศ ระบบพยากรณ์เตือนภัยล่วงหน้า รวมทั้งลดความเสียหายและป้องกันการพังทลายของพื้นที่ตลิ่งริมแม่น้ำภายในประเทศ ด้วยเขื่อนป้องกันตลิ่งความยาวไม่น้อยกว่า 261,600 เมตร เป็นต้น
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงงบประมาณสำหรับการขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ว่า มีการจัดสรรงบประมาณ 4,044.5 ล้านบาท เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นกลไกสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจของประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการผลักดันทุนทางวัฒนธรรมที่มีศักยภาพให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทยด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ สร้างเครือข่ายความร่วมมือและเครือข่ายธุรกิจ สนับสนุนการผลิตภาพยนตร์ไทยในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศในระดับสากล และสนับสนุนสิทธิประโยชน์และแหล่งเงินทุน
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ที่รัฐบาลเสนอในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟู และขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกมิติ ภายใต้ข้อจำกัดด้านรายได้และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก รัฐบาลจึงดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุลเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยกำหนดวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 3,780,600 ล้านบาท เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายงบประมาณที่ได้รับจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพ และมีประสิทธิผล เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ทั้งในด้านความมั่นคง การสร้างความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม การดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนปรับปรุงระบบราชการให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าได้อย่างมั่นคง ประชาชนได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายงบประมาณอย่างแท้จริง และเกิดผลสัมฤทธิ์ในการพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป