"ทักษิณ"ไม่ขนลุก ภาพ "จตุพร - สนธิ" กอดกันกลม ย้ำไม่ซีเรียส หากไปศาล13 มิ.ย.

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีปรากฏภาพของนายสนธิ ลิ้มทองกุล และนายจตุพร พรหมพันธุ์ กอดกันนั้น นายทักษิณ กล่าวว่า ก็หลากหลายอารมณ์

ส่วนนายทักษิณ จะมีโอกาสได้กอดกับนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ดบ้างหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนเองเจอกันหลายรอบ เจอกันประจำ เมื่อเดือนก่อนเองมั้ง ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีปัญหากัน ตนเองยังไม่เห็น อย่าไปสนใจ อย่าไปใส่ใจ ทุกอย่างมีกติกาของมัน เราก็ต้องมีกติกา มีมารยาทในการร่วมรัฐบาลต่อกัน

เมื่อถามถึงกรณีนายจตุพร และนายสนธิจับมือกันเพื่อที่จะรวมกันต่อต้าน นายทักษิณอีกครั้ง เมื่อฟังแล้วขนลุกหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่รู้อะไรลุก ขนไม่ลุก อย่าไปสนใจ อย่าไปใส่ใจ ตนเองมีลูก เมียต้องเลี้ยง มีหลานต้องเลี้ยงเอง ทำเองไม่ต้องเลี้ยงลูกเมียคนอื่น

"ทักษิณ" ยันชัด เป็นแค่ข่าวลือ ปมหนีออกนอกประเทศ

นายทักษิณ ยังกล่าวถึงกรณี กระแสข่าวว่าเดินทางหนีออกนอกประเทศ ก่อนศาลฎีกานัดในวันที่ 13 มิ.ย. นี้ โดยนายทักษิณ ย้อนถามสื่อว่า ก่อนอื่นจะแปลให้ฟังก่อน ข่าวลือแปลว่าอะไร แปลว่าข่าวที่คนปล่อยอยากให้เป็นจริง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมันคือไม่จริง เป็นข่าวที่คนปล่อย แล้วอยากทำให้มันเป็นจริง เขาเรียกว่าข่าวลือ

ส่วนรู้ตัวว่าใครเป็นคนปล่อยหรือไม่ นายทักษิณ  กล่าวว่า มีอยู่ไม่กี่คน อย่าไปใส่ใจมาก ตนเองไม่ได้ใส่ใจมากมาย  

เมื่อถามว่า วันที่ 13 มิ.ย.นี้จะเดินทางไปศาลด้วยตนเองหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ถามทนายอยู่ว่าเขาให้ไปไหม ความจริงแล้วไปก็ได้ ไม่ไปก็ได้ แต่ต้องมีทนายไป คือหลักการทั่วไป ส่วน ตนเองจะไปหรือไม่ ยังไม่รู้ มีเวลาอีกตั้งหลายวันรอวันที่ 12 มิ.ย. เที่ยงคืนก่อนค่อยตัดสินใจ ไม่มีอะไรเลย จริง ๆ แล้วไป หรือไม่ไป มันคือเรื่องราวที่เป็นการให้ความร่วมมือกับศาล ว่าศาลต้องการข้อมูล ซึ่งเราให้ได้ ไม่มีอะไรที่มันตื่นเต้น อย่าไปตื่นเต้นแทนตนเอง

เมื่อถามว่า มีการเชื่อมโยงความเคลื่อนไหวของนายทักษิณกับรัฐบาล นายทักษิณ ระบุว่า ถ้าไม่จำเป็น ตนเองก็ไม่อยากออกมา อยากอยู่เงียบ ๆ สบาย ๆ อายุมากแล้วอย่าใช้งานเยอะ

เมื่อถามว่า มีการโยงว่าอย่างไรก็ตาม นายทักษิณจะไม่ไปไหนเพราะมีลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ กล่าวว่า ก็มันไม่มีเหตุผลอะไรเลย อุตส่าห์กลับมาแล้ว ก็มาทำงาน เมื่อมีพระบรมราชโองการมีพระมหากรุณาธิคุณลดโทษ ให้ตนเองใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ มาช่วยเหลือประชาชน และชาติบ้านเมือง ตนเองก็รับด้วยเกล้า รับใส่เกล้าไว้ เป็นเรื่องที่เป็นหน้าที่ของตนเอง