
26 พฤษภาคม 2568 เป็นภาพที่ทำให้คอการเมืองรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ใช้ว่าจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทางการเมือง กับคำว่า "ไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร” เมื่อ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สวมกอดกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กลางเวที ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 2/2568” ที่หอประชุมเล็ก (ศรีบูรพา) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วานนี้ (25 พ.ค.)
นายสนธิ เปิดเผยว่า มีความคิดที่ทำงานใหญ่อีกครั้ง โดยจะประกาศให้ทราบในอีกไม่ช้าหลังจากนี้ ขณะที่ นายจตุพร ได้ขึ้นเวทีปราศรัย เนื้อหาส่วนใหญ่โจมตี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงโจมตีรัฐบาล ในการบริหารประเทศ
การโอบกอดประสานมือ ระหว่าง นายสนธิ กับ นายจตุพร มีแนวโน้มที่จะเกิดชุมนุมขับไล่รัฐบาลในอนาคต โดย นายสนธิ และ นายจตุพร จะใช้โซเชียลมีเดียเป็นพื้นที่แสดงออก-อธิบายความคิด-ระบายความรู้สึก เพื่อประเมินรูปแบบและขนาดมวลชน ก่อนจะประกาศจัดการชุมนุมใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ก็เป็นได้
ทั้งนี้ นายสนธิ คือ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) แม้พ้นโทษออกมา เคยประกาศวางมือการปลุกระดมมวลชนชุมนุมต่อต้านรัฐบาล แต่หลังจากออกมาทำหน้าที่สื่อมวลชน ให้ข้อมูลคิดวิเคราะห์การเมือง ก็ทำให้เรียกแฟนคลับ มวลชนขาประจำ และชาวเสื้อเหลืองกลับมาติดตามจำนวนมาก รวมถึง นายสนธิ ได้ใช้รูปแบบจัดเวทีย่อยแบบปิด ชวนแฟนคลับมาฟังการบรรยาย ชนิดที่ตรึงมวลชนขาประจำไว้อย่างเหนียวแน่น
เช่นเดียวกับ นายจตุพร อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือแกนนำเสื้อแดง หลังพ้นโทษออกจากเรือนจำ ยังเคลื่อนไหว ให้ความคิดความเห็นทางการเมือง โดยร่วมมือกับทนายนกเขา "นิติธร ล้ำเหลือ" ตั้งเป็นคณะหลอมรวมประชาชน. พร้อมกับจัดรายการ "ความจริงต้องมาก่อน" ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยให้มุมมองความคิดเห็นทางการเมือง โจมตี "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี มาอย่างต่อเนื่อง เหตุเพราะ บุคคลทั้งสองมีความขัดแย้งลึกซึ้งชนิดไม่อาจร่วมทางกันได้
การที่ นายจตุพร ตัดสัมพันธ์นายใหญ่ทักษิณ แม้เสียแนวร่วมเสื้อแดง แต่ไม่ใช่สูญเสียหมดสิ้นไปเลย เพราะยังคงมีแฟนคลับที่ศรัทธาร่วมสนับสนุน
กอปรกับเขาได้ร่วมกับเครือข่ายมวลชน อย่างกลุ่ม คปท. ที่ปักหลักชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล จำนวนหนึ่ง และยังมีมวลชนเสื้อเหลือง จาก กปปส.ในอดีต เข้ามาสมทบ ผ่านแกนนำกปปส.ที่เริ่มปรากฎตัวให้เห็นในช่วงที่ผ่านมานี้เอง
การผนึกกำลังร่วมมือกัน ของแกนนำต่างสีต่างค่าย พร้อมกับประกาศบนเวทีวันนี้ (25 พ.ค.68) จะมีงานใหญ่
ปี 2548 - 2553 มีความเคลื่อนไหวการรวมมวลชนเพื่อต่อต้าน รัฐบาลทักษิณ –รัฐบาลสมัคร –รัฐบาลสมชาย ในนามกลุ่มพันธมิตรกู้ชาติ หรือ กลุ่มคนเสื้อเหลือง โดยมี แกนนำหลัก คือ สนธิ ลิ้มทองกุล และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)
ชุมนุมกดดันให้นายทักษิณลาออกจากตำแหน่งนายกฯ แต่จบด้วยเหตุการณ์รัฐประหาร คมช. ( ปี 49)
-นายสนธิ นำมวลชนปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล นาน 4 เดือน ( รัฐบาลสมัครปี 51 )
-กระจายมวลชนปิดสนามบินสุวรรณภูมิ –ดอนเมือง สถานที่ราชการอื่น ( คาบเกี่ยวรัฐบาลสมชาย )
บทสรุป ก่อนที่บรรดาแกนนำจะถูกดำเนินคดี โดยศาลตัดสินให้จำคุก 6 แกนนำโดยสนธิถูกจำคุกด้วยคดีอื่น และเรียกค่าเสียหายในคดีแพ่ง ( ปี 66)
6 ก.ย. 59 ศาลฎีกา สั่งจำคุก สนธิ ลิ้มทองกุล 20 ปี คดีทำเอกสารรายงานการประชุมเท็จ ค้ำประกันกู้เงินธนาคารกรุงไทยกว่าพันล้านบาท ก่อนดี้รับพระราชทานอภัยโทษเมื่อปี 2562 เนื่องจากเป็นผู้ที่มีอายุเกิน 70 ปีบริบูรณ์ ทำให้เขาได้เข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ 3 ปี 1 เดือน
ปี 2562 ภายหลังสนธิได้ออกเรือนจำ เขาเคยประกาศวางมือการชุมนุมทางการเมือง แต่ยังทำหน้าที่จัดรายการ วิเคราะห์ข่าว ผ่านรายการสนธิ ทอล์ค ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง News 1
ปี 2568 แต่ต่อมาเข้าสู่ปี 2568 นายสนธิ เริ่มมีบทบาทออกมาจัดเวทีย่อย ในชื่อ ความจริงมีหนึ่งเดียว เป็นการพบแฟนคลับนอกจอ ซึ่งล่าสุด จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2/2568” ที่หอประชุมเล็ก (ศรีบูรพา) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา และยังเป็นเวทีสร้างเซอร์ไพร์ส ด้วยการเปิดตัว แกนนำการเมืองขั้วตรงข้าม อย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ พร้อมโอบกอด ก่อนประกาศ จะมีงานใหญ่ เร็วๆ นี้
หากกล่าวว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) มุ่งต่อต้านคนชื่อทักษิณ ชินวัตร กรณีของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ก็คือ มวลชนเสื้อแดง ที่ปกป้องสนับสนุน ทักษิณ
ฉะนั้นเมื่อ พธม.เคลื่อนไหวโค่นล้มทักษิณ นปช.ก็ต้องออกมาเคลื่อนไหวปกป้องทักษิณ
พธม.สวมเสื้อเหลือง นปช.ก็ต้องสวมเสื้อแดง พธม.มีมือตบเป็นเครื่องมือประกอบจังหวะปลุกเร้าจังหวะชุมนุม เช่นเดียวกับ นปช.ก็ต้องมี "ตีนตบ" เป็นเครื่องมือ สร้างความฮึกเหิม พร้อมเข้าโรมรัน
เรื่องราวของมวลชนต่างสีต่างขั้วจึงอยู่บนเส้นทางขนาน ที่มิอาจหาจุดบรรจบร่วมกันได้
ปี 2550 ได้มีการก่อตั้งมวลชนเสื้อแดง ในนาม แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ หรือ นปก. ภายใต้การนำของ จตุพร พรหมพันธ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เพื่อต่อต้านรัฐประหาร 2549 และขับไล่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ กับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก่อนที่ นปก. จะเปลี่ยนชื่อเป็น นปช. แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
ปี 2551 นปช. ภายใต้การนำจตุพร เคลื่อนไหว ต่อต้าน กลุ่ม พธม.ที่ออกมาขับไล่รัฐบาลสมัคร จนเกิดเหตุการณ์ปะทะกัน โดยมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
ปี 2552 นปช.กลับมาชุมนุมเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อีกครั้ง เพื่อขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์
ปี 2553 นปช.จัดชุมนุมใหญ่ในกรุงเทพมหานครอีกครั้ง เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ยุบสภา
เม.ย.52 รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขั้นร้ายแรง และยกกำลังทหารปิดล้อมผู้ชุมนุม จนต้องยุติการชุมนุม
พ.ค.53 รัฐบาลประกาศสลายการชุมนุมจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ทั้งทหาร พลเรือน รวมถึงมีเหตุเผาห้างสรรพสินค้า ศาลากลางจังหวัด
ปี 2554 -2564 จตุพร พรหมพันธ์ ได้ถูกศาลสั่งจำคุก จากคดีทางการเมืองหลายคดี อาทิ กรณีนำมวลชนเสื้อแดง บุกบ้านป๋าเปรม ตามมาด้วยคดีหมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ มือเปื้อนเลือด จากเหตุการณ์สลายการชุมนุม ก่อนที่เขาได้รับอภัยโทษ เมื่อปี 2564
ปี 2565 หลังการได้รับอิสรภาพ จตุพร ร่วมกับ นิติธร ล้ำเหลือ จัดตั้งกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง คณะหลอมรวมประชาชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการยับยั้งความเสียหายอย่างร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นกับประเทศ ซึ่งเขาได้วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลประยุทธ์ รวมไปถึงการวิพากษ์วิจารณ์ ทักษิณ ชินวัตร และ พรรคเพื่อไทย อีกด้วย
เหตุผลคือกล้าวิพากษ์วิจารณ์ พลเอกประยุทธ์ อย่างไร ก็ต้องกล้าวิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายทักษิณ เพราะมิเช่นนั้นก็เป็นการเมืองแบบเดิม และตัวเองถูกมองว่า มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องเหมือนเดิม ฝ่ายตัวเองก็ถูกตลอด อีกทั้งตนเคยต้องทำหน้าที่อธิบายถูกตลอดกันมายาวนานแล้ว คือหมายความว่า อธิบายดำเป็นขาว และขาวเป็นดำกัน
25 พ.ค. 2568 ปรากฎภาพสำคัญ เมื่อ จตุพร โอบกอด สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำมวลชนต่างสีต่างขั้ว พร้อมกับประกาศร่วมมือเคลื่อนไหว ต่อต้านรัฐบาลแพทองธาร ที่มีทักษิณ อยู่เบื้องหลังการวางหมากเกมทางอำนาจ