16 พฤษภาคม 2568 ที่โรงแรมโกลเด้นทิวลิป ถ.พระราม 9 ผู้บริหารพรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และประธานที่ปรึกษาพรรค พร้อมด้วย นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ ลิกค์ เลขาธิการพรรค และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร นายทะเบียนพรรค นัดพบ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และนายการุณ โหสกุล อดีต สส.กทม. เพื่อพูดคุยถึงการดำเนินการทางการเมืองร่วมกัน
นางนฤมล กล่าวว่า เป็นที่ชัดเจนว่า น.อ. อนุดิษฐ์ และนายการุณ ยินดีมาร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม ซึ่งก็ยินดีต้อนรับทั้ง 2 คน ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองสูง และ น.อ.อนุดิษฐ์ เคยเป็นผู้บริหารพรรคการเมืองมาก่อน และมองการเมือง ภาพใหญ่เป็นอย่างดี ก็จะได้มาช่วยกันทำยุทธศาสตร์ทางการเมืองกับพรรค และยินดีต้อนรับทีมงานทุกคนที่จะนำเข้ามาร่วมงาน พร้อมยอมรับว่าดีลเรียบร้อย
ส่วนเรื่องของตำแหน่งในพรรคจะต้องมีแน่นอน แต่ขอหารือกันในรายละเอียดก่อน แต่งานหลักจะให้ดูเรื่องยุทธศาสตร์พรรค และทำกิจกรรมทางการเมือง ทั้งในกรุงเทพมหานคร และภาคต่างๆ ว่าจะวางทัพอย่างไร แน่นอนว่าพรรคหวังทั้งกรุงเทพฯ และทั่วประเทศไทย อยากจะเสนอตัวในนามพรรคกล้าธรรม เข้าไปรับใช้พี่น้องทั่วประเทศ พร้อมยินดีต้อนรับทั้งหมด ทั้งอดีต สส. ที่นำมาร่วมงานกับพรรค
ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวขอบคุณหัวหน้าพรรคและประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ที่ให้เกียรติ ตนและนายการุณ โดยก่อนที่ตนจะตัดสินใจ เบื้องต้นได้มีการพูดคุยตกผลึกกันมาพอสมควร หลังจากมีโอกาสได้หารือและพูดคุยกับหัวหน้าพรรค ก็ต้องถือว่าพรรคให้เกียรติพวกตน โดยเฉพาะเรื่องภารกิจ ที่คาดว่าจะมีการมอบหมายให้ตนทำต่อไปในอนาคต ก็ถือว่าเป็นงานทางการเมืองที่ท้าทายและเป็นงานที่ตนพอจะมีประสบการณ์
คิดว่าในอนาคตอันใกล้จะใช้ความสามารถในการทุ่มเททำงานให้กับพรรคอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องทีมงานต่างๆ เรื่องของ สส. ก็ต้องบอกว่า พรรคกล้าธรรม แม้จะเป็นพรรคน้องใหม่ แต่ด้วยความที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง จึงหวังใจว่าในอนาคตอันใกล้ก็คงจะมีทั้งนักการเมือง สส. และอดีต สส. ที่สนใจ ซึ่งเท่าที่คุยกัน หัวหน้าพรรคก็ยินดีให้การต้อนรับบุคคลทางการเมืองที่มีความสนใจ และมีอุดมการณ์ที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ส่วนในฐานะที่ใกล้ชิดกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ได้มีการทำความเข้าใจหรือยัง น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ตนได้กราบเรียนมาตลอด คุณหญิงสุดารัตน์ ทราบดี ตนและนายการุณ ไม่ได้ร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคไทยสร้างไทยมาพักหนึ่งแล้ว แต่ได้ลงพื้นที่และติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองจนมาถึงวันนี้
ส่วนพรรคไทยสร้างไทย ก็มีแนวทางในการขับเคลื่อนการเมืองของพรรค ถือว่าจากกันด้วยดี ไม่มีปัญหา และไม่ได้ยินว่าคุณหญิงสุดารัตน์ พูดว่าน้อยใจ
เมื่อถามว่า ในส่วนของ สส.พรรคไทยสร้างไทย หรือคนอื่น จะมาร่วมกับพรรคกล้าธรรมด้วยหรือไม่นั้น น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า วันนี้เรา 2 คน แต่คนอื่นนั้นต้องไปถามเจ้าตัว เพราะไม่ได้ยุ่งเกี่ยว และจากที่คุยกันวันนี้ตกผลึกก็จะเข้าสู่กระบวนการสมัครเข้าพรรคต่อไป
ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวถึงกรณีที่ระบุว่าจะมีนักการเมืองมาร่วมกับพรรคเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ก็มา 2 คนแล้ว และเรื่องที่ตนเคยคุยไว้ ไม่ว่าตนและหัวหน้าพรรค เราพูดอะไรก็จะเป็นเช่นนั้น วันนี้เรามองข้าม เตรียมเข้าสู่การเลือกตั้งสมัยหน้า เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น และขอให้ติดตามดูหลังจากนี้ วันนี้ น.อ.อนุดิษฐ์ ถือเป็นพิเศษคนหนึ่ง ซึ่งรู้จักกันมานาน หลังจากนี้จะมีการขับเคลื่อนงานร่วมกัน รวมทั้งหลายๆ คนจะเข้ามาร่วมอุดมการณ์
ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะมีผลกระทบกับรัฐบาลหรือไม่นั้น ร.อ.ธรรมนัส บอกว่าไม่มี
นอกจากนี้ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวถึงกรณีที่พรรคกล้าธรรม ถูกมองว่าเป็นสาขา 2 ของพรรคเพื่อไทย โดยยืนยันว่า ไม่ใช่เพราะ น.อ.อนุดิษฐ์ และนายการุณ ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น
เมื่อถามย้ำว่า เป็นดีเอ็นเอของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 คน เป็นผู้ใหญ่ทางการเมือง ระดับแนวหน้าของประเทศ และ น.อ.อนุดิษฐ์ ก็ได้ลดบทบาททางการเมืองในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา และตนได้มีการพูดคุยกับ น.อ.อนุดิษฐ์ มาโดยตลอด และก็ร้องขอให้มาช่วยกันทำงาน โดยเมื่อเราถึงจุดอิ่มตัวทางการเมืองเราก็จำเป็นต้องสร้างฐานทางการเมืองที่ดี และต้องหาคนที่มีความพร้อม ซึ่ง น.อ.อนุดิษฐ์ ก็เป็นคนที่มีความพร้อมทั้งประสบการณ์ ความคิดก็คล้ายกัน และเชื่อว่าจะมีอีกหลายคนเข้ามา แต่ตนพยายามที่จะไม่เปิดทีเดียว ซึ่งมีทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ มีวุฒิภาวะพอสมควรก็จะเข้ามาร่วมด้วย แล้วตนก็จะปลีกตัวออกมาดูด้านการกีฬา
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ ถึงการชวนทั้ง 2 คน เข้ามาร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ได้พูดคุยกันหมดแล้ว ก็ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไร และการที่ตนจะทำอะไรก็ต้องคุยถึงที่มาที่ไปของแต่ละคน
ส่วนกระแสที่บอกว่าจะมีคนเข้าร่วมพรรคอีก 30 คน ร.อ.ธรรมนัส บอกว่า ขอให้รอดูเป็นรายสัปดาห์ ส่วนจะมีระดับบิ๊กเนมหรือไม่ ก็ตอบสั้นๆว่า มี แต่ยังไม่ขอบอก เดี๋ยวบอกเอง
ส่วนสมาชิกพรรคพลังประชารัฐจะมาร่วมพรรคหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า พี่น้องกันทั้งนั้น หลายคนเป็น สส.ได้เพราะตนช่วยเหลือมา แต่ที่ผ่านมาตนไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งที่ จ.นครศรีธรรมราช กลับมาก็ป่วยเป็นโควิด ตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน
ร.อ.ธรรมนัส ยังยืนยันว่า สส. ที่จะย้ายพรรคมา ไม่ใช่พรรคร่วมรัฐบาล พร้อมย้ำว่าไม่ได้ทำอะไรตามที่เป็นข่าว เพราะตนต้องดูว่าแต่ละคนมีอนาคตทางการเมืองหรือไม่ ไม่ใช่แจกกล้วยตามที่เป็นข่าว ไม่มีแน่นอน เพราะเหลือเวลารัฐบาลอีกปีกว่า
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านมองว่า พรรคกล้าธรรมใช้พลังดูดนั้น ร.อ.ธรรมนัส ถามสื่อกลับว่า พลังดูดอะไร เราต้องดูว่าเราทำประโยชน์อะไรให้ประชาชนบ้าง
ส่วนกรณี น.ส.พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ระบุว่า พรรคกล้าธรรมพยายามดึง สส. เพื่อไปต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัส ย้ำว่า ไม่มี ไม่เคยคิดเรื่องนี้ เราไม่มีบุคลากรที่จะมีคุณสมบัตินั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั้นดีอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ได้ไปเยี่ยมนายอนุทินหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส บอกว่า ท่านป่วย ผมก็ป่วย
เมื่อถามว่า หากสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นจะมีการพูดคุยเรื่องโควต้าตำแหน่งในรัฐบาลหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส ตอบว่า อย่างที่ตนบอกไปว่า ตนมองข้ามไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่ใช่ครั้งนี้ และถ้ารัฐบาลไม่มีปัญหาก็จะอยู่แบบนี้ ซึ่งดีอยู่แล้ว
ส่วนที่มีคนมองว่าพรรคกล้าธรรมจะมาแทนพรรคภูมิใจไทย ขออย่ามองแบบนั้น ขอให้มองว่าถ้าเรามี สส. จำนวนมาก เราก็จะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ ตนอยากทำการเมืองท้องถิ่นให้ต่างจังหวัดช่วยเหลือตนเองได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งรัฐบาลกลาง ส่วนจังหวัดใดที่สร้างมิติใหม่ เช่น แถบอันดามัน ภูเก็ต พังงา ควรจะเป็นเมืองพิเศษ เพราะมีการค้าขายและท่องเที่ยว ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองไม่พัฒนา
ส่วนความขัดแย้งระหว่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย จะมีผลต่อการบริการประเทศหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส มองว่า การเมืองต้องคุยกัน การเมืองต้องจบด้วยการเมือง การเมืองเมื่อทะเลาะกันแล้วหรือขัดแย้งกันแล้ว อย่าไปจบที่การทหาร อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า 2 พรรคจะพูดคุยกันได้ และรัฐบาลอยู่ครบเทอม
ส่วนที่นักการเมืองขยับย้ายพรรคจะมีอุบัติเหตุการเมืองหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส บอกว่า เราจะเปิดสภา 3 ก.ค.68 นี้ เหลือเวลาอีก 1 ปีกว่า ทุกพรรคก็จะเริ่มเสริมทัพ เป็นเรื่องปกติ ตนเชื่อว่าไม่มีอุบัติเหตุทางการเมืองในปีนี้แน่นอน เชื่อว่าอยู่ครบเทอม และจะมีการพูดคุยกัน ไม่มีพรรคไหนถูกขับออกจากรัฐบาล ไม่มีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง
“คนที่ไม่สมหวัง คอยยุคอยแหย่ เป็นเรื่องธรรมดา ท้ายสุดเดี๋ยวเขาคุยกัน คุณก็ผิดหวังเหมือนเดิม สังคมไทยต้องเปลี่ยน”
ส่วนหากพรรคเพื่อไทย อาจไม่ได้เสียงข้างมากในสภา ร.อ.ธรรมนัส บอกว่า อย่าเพิ่งพูดในจุดนั้น เพราะแต่ละพรรคมีจุดยืนของตนเอง ส่วนการปรับ ครม.ตนพูดไม่ได้เพราะไม่ใช่หน้าที่ของตน