svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ผิดจริยธรรม" แพทยสภา แถลงผลสอบสวน ปมแพทย์ทำการรักษา "ทักษิณ" ชั้น 14

"แพทยสภา" มีมติลงโทษแพทย์ 3 คน ผิดจริยธรรมกรณี "ทักษิณ" ชั้น 14 ตักเตือน 1 คน พักใช้ใบอนุญาต 2 คน ชง"สมศักดิ์" พิจารณา

8 พฤษภาคม 2568  เมื่อเวลา 10.00 น.  ที่อาคารมหิตลาธิเบศร กระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่จัดการประชุมประจำเดือน โดยมีวาระสำคัญคือ การพิจารณาผลการสอบสวนกรณีจริยธรรมแพทย์ กรณีการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บนชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ  โดยทางเจ้าหน้าที่กระทรวงยังได้เผยแพร่ข้อความ ว่า ในเวลา 14.00 น. ขอเชิญสื่อมวลชนที่ชั้น 12 แพทยสภาอาคารมหิตลาธิเบศร จะมีแถลงเรื่องชั้น 14 แต่อย่างไรก็ตาม ได้มีการแจ้งเลื่อนแถลงมาเป็นเวลา 15.00 น. 

 

เมื่อเวลา 15.00 น. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา พร้อมด้วย รศ.(พิเศษ)  แถลงข่าวภายหลังการประชุมแพทยสภา ถึงกรณีการสอบสวนจริยธรรมทางวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์ รพ.ราชทัณฑ์และแพทย์ รพ.ตำรวจ กรณีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ 

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ครั้งที่ 5/2568 มีวาระการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ในกรณีที่มีการกล่าวโทษทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม กรณีอาการป่วยของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตผู้ต้องขัง กรมราชทัณฑ์

 

ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ได้มีมติลงโทษแพทย์ 3 คน  โดยเป็นการว่ากล่าวตักเตือน 1 คน ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้มาตรฐาน และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน ในกรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง

ทั้งนี้ แพทยสภามีหน้าที่ต้องเสนอมติต่อสภานายกพิเศษ (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข) เพื่อขอความเห็นชอบก่อนจะดำเนินการตามมติ ซึ่งเป็นขั้นตอนตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ต่อไป

แฟ้มภาพ  รพ.ตำรวจ ชั้น 14 ที่รับการรักษา ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ศ. นพ.ประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า แพทย์ 1 ท่าน ที่ลงโทษว่ากล่าวตักเตือน เพราะความผิดนั้นไม่ได้รุนแรงมาก เป็นลักษณะการประกอบวิชาชีพไม่ได้มาตรฐานคือการออกใบส่งตัว  แต่อีก 2 ท่านที่ถูกพักใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม เป็นเรื่องของการให้ข้อมูลเอกสารทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง 

เมื่อถามว่า ที่ไม่ตรงความเป็นจริงคือเรื่องอะไร ศ. นพ.หมอประสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ข้อมูลที่ที่ประชุมได้รับ ไม่ได้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่าผู้ป่วยมีภาวะวิกฤตเกิดขึ้น การลงโทษพักใช้ใบประกอบวิชาชีพ ถือเป็นการลงโทษรุนแรงกับแพทย์ทุกท่านอยู่แล้ว 

ถามต่อว่า การลงโทษดังกล่าวจะเป็นการบ่งชี้ว่าผู้ป่วยรายนี้ป่วยไม่จริงได้หรือไม่ ศ. นพ.ประสิทธิ์ ระบุว่า ด้วยข้อมูลหลักฐานที่ได้รับไม่มีข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่ามีภาวะวิกฤตตาม

ณ วันนี้ไม่สามารถบอกได้ว่าพักใบประกอบวิชาชีพ นานเท่าไหร่ จะต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐมนตรีฯก่อน โดยขั้นตอนมีทั้งหมด 7 ขั้นตอน ถ้ารัฐมนตรีฯเห็นชอบก็ไปดำเนินการตามนั้นเลย แต่ถ้าไม่เห็นชอบก็จะกลับมาที่แพทยสภาอีกหนึ่งครั้ง 

ศ. นพ.ประสิทธิ์ ย้ำว่า แพทยสภายึดความถูกต้อง ยึดหลักฐานต่างๆ ไม่ได้อิงกับปัจจัยภายนอก ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าเป็นใคร 

เมื่อถามว่า กระบวนการในครั้งนี้จะเป็นมวยล้มต้มคนดูหรือไม่ ศ. นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า อย่าไปคิดแบบนั้น คิดว่าแพทยสภามีศักดิ์ศรี ที่จะดำเนินการในสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรมให้กับสังคม 

ทั้งนี้ ภายหลังการแถลงข่าวผู้สื่อข่าวพยามสอบถามว่าคณะกรรมการที่มีการลงมติในวันนี้ประกอบด้วยแพทย์ท่านใดบ้าง ศ. นพ.ประสิทธิ์ ระบุว่า มีแพทย์หลายคน ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เกี่ยวข้อง 

เมื่อถามว่า ที่ประชุมแพทยสภาวันนี้มีมติเป็นเอกฉันท์ใช่หรือไม่ ศ. นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า "เป็นเสียงส่วนใหญ่มาก มาก มาก” จากนั้นขึ้นลิฟต์เพื่อกลับเข้าห้องประชุมต่อทันที

แหล่งข่าวในที่ประชุม ระบุว่า การประชุมวันนี้ถือว่าเสร็จสิ้นเร็วกว่าการประชุมตามปกติเพราะมีการหารือในวาระเดียว ส่วนบรรยากาศโดยรวมทุกคนมีความเห็นที่เห็นด้วยและเห็นต่างกันจึงมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยู่พักใหญ่ก่อนจะลงมติ

ทั้งนี้การสอบสวนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีผู้ร้องเรียนให้ตรวจสอบว่าการดำเนินการของแพทย์ที่เกี่ยวข้องเป็นไปตามมาตรฐานจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรมหรือไม่ โดยคณะอนุกรรมการฯ ได้รวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเอกสารทางการแพทย์และรายละเอียดการรักษาจากทั้งสองโรงพยาบาล

ซึ่งก่อนหน้านี้การพิจารณาผลสอบเคยถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากมีเอกสารจำนวนมากที่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อให้เกิดความรอบคอบและเป็นธรรม