svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ลุ้นระทึกประชุม"แพทยสภา" ถกจริยธรรมแพทย์ ปม "ทักษิณ" รักษาตัวชั้น 14

จับตาประชุมบอร์ด "แพทยสภา" ถก จริยธรรมแพทย์ ปม "ทักษิณ" อดีตนายกรัฐมนตรี รักษาตัวรพ.ตำรวจชั้น 14 – อุปนายกฯ ยัน ไม่ใช่วาระลับ

8 พฤษภาคม 2568  ที่อาคารมหิตลาธิเบศร กระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่จัดการประชุมประจำเดือน โดยมีวาระสำคัญคือ การพิจารณาผลการสอบสวนกรณีจริยธรรมแพทย์ กรณีการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บนชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ

บรรยากาศช่วงเช้า คณะกรรมการทยอยเดินทางเข้าร่วมประชุม โดยคณะกรรมการหลายคนเลี่ยงตอบคำถามสื่อมวลชน อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่อนุญาตให้สื่อเข้าไปสังเกตการณ์หรือเก็บภาพภายใน

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า วาระนี้ไม่ใช่เรื่องลับแต่อย่างใด เป็นเพียงวาระการประชุมตามปกติ พร้อมย้ำว่า ส่วนตัวอยากให้เรื่องชั้น 14 จบลงภายในวันนี้ และขอให้ติดตามผลการประชุมว่าจะเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ การประชุมอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยที่ประชุมไม่อนุญาตให้สื่อเข้าไปเก็บภาพการประชุมดังกล่าว ซึ่งคาดว่าการประชุมในวันนี้จะแล้วเสร็จ ก่อนออกมาแถลงข่าวในช่วงบ่ายวันนี้

ขณะเดียวกัน รายงานระบุว่า หากผลการพิจารณาของแพทยสภาได้รับความเห็นชอบจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะถือว่ามีผลสมบูรณ์ทันที แต่หาก รมว.สาธารณสุขไม่เห็นด้วย มติจะต้องถูกนำกลับเข้าที่ประชุมอีกครั้ง โดยต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ( 48 คน) เพื่อยืนยัน หากความเห็นแย้งตรงกับ รมว. จะใช้เสียงเพียง 1 ใน 3 ( 24 คน)

คาดว่าการประชุมจะแล้วเสร็จภายในช่วงบ่าย และจะแถลงผลการพิจารณาอย่างเป็นทางการภายหลัง

แฟ้มภาพ  รพ.ตำรวจ ชั้น 14

เปิดกระบวนการพิจารณาชี้ชะตาจริยธรรมแพทย์ ปมชั้น 14
 

กรรมการแพทยสภา มีสัดส่วนมาจากกรรมการโดยตำแหน่ง  36 คน ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงและ อธิบดีกรมการแพทย อธิบดีกรมอนามัย  เจ้ากรมแพทย์ทหารบก อากาศ เรือ -ตำรวจ คณบดีแพทย์ศาสตร์จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศและสมาชิกแพทยสภาที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามา 36 คน  รวมทั้งสิ้น 72 คน 

ลุ้นระทึกประชุม"แพทยสภา" ถกจริยธรรมแพทย์ ปม "ทักษิณ" รักษาตัวชั้น 14

แหล่งข่าวในกก.แพทยสภา เปิดเผยว่า  กระบวนการในการประชุมแพทยสภาวันที่  8 พฤษภาคม นี้ เมื่อการประชุมเข้าสู่ระเบียบวาระดังกล่าว ทางที่ประชุมก็จะให้ คณะอนุกรรมการฯ ที่มี ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร  ลีลารัศมี ที่เป็นกรรมการแพทยสภาด้วย นำเสนอผลสรุปการสอบสวนดังกล่าวและคงมีการแจกเอกสารผลสรุปตอนที่เริ่มประชุม รวมถึง คงต้องมีการชี้แจงตอบข้อซักถามของที่ประชุมแพทยสภา ถึงรายละเอียดการสอบสวน ซึ่งถึงตอนนี้ ยังไม่สามารถตอบได้ว่า ในที่ประชุมจะว่าอย่างไร ก็อาจเป็นไปได้ทั้ง อาจมีการขอให้สอบสวนเพิ่มเติม

หากกรรมการเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าการสอบสวนยังไม่สมบูรณ์ จะเสนอแนะว่าควรไปสอบตรงไหนอีก หรือหากพิจารณาเอกสารแล้ว ฟังการชี้แจงแล้ว ก็อาจมีการลงมติกันเลย หรือจะเลื่อนการลงมติออกไปหรือไม่ กระบวนการนี้ต้องรอดูการประชุม

แหล่งข่าวที่เป็นกรรมการแพทยสภา กล่าวอีกว่า หากที่ประชุมแพทยสภา ได้ข้อสรุป และมีการลงมติในวันที่ 8 พฤษภาคม  มติที่จะออกมาต้องใช้เสียงข้างมาก จากนั้น จะส่งมติของที่ประชุมไปให้ สภานายกพิเศษ แพทยสภา คือนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข พิจารณาอีกครั้งว่าเห็นด้วยกับมติของที่ประชุมแพทยสภาหรือไม่ 

 

สำหรับคณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงเฉพาะกิจ ชุดศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ตั้งขึ้นตามมติของกรรมการแพทยสภาฯ เมื่อ 10 ตุลาคม 2567 โดยตั้งขึ้นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรมพ.ศ. 2525 เพื่อสอบสวนกรณีดังกล่าวที่เกิดจาก กรณีมีการร้องเรียนให้สอบสวนจริยธรรมแพทย์กรณีการย้ายผู้ป่วยจากรพ.ราชทัณฑ์มาที่รพ.ตำรวจ (นายทักษิณ ชินวัตร) และอนุกรรมการฯ ได้เริ่มกระบวนการทำงานตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม  2567 เช่นมีการทำหนังสือถึง แพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจเพื่อขอข้อมูลเพื่อประโยชน์แก่การสืบสวนสอบสวน อันเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาเรื่องจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม

ทั้งนี้ เดิมที คณะอนุกรรมการสอบสวนฯ เคยจะนำผลสรุปการสอบสวนเข้าที่ประชุมแพทสภา วันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา แต่ได้เลื่อนการพิจารณาการสอบสวนออกไปหนึ่งเดือน หลังรพ.ตำรวจและทัณฑสถานรพ.ราชทัณฑ์ได้มีการส่งเอกสารทางการแพทย์เกี่ยวกับการรักษาตัวนายทักษิณ มาให้อนุกรรมการฯเพิ่มเติม ทำให้อนุกรรมการจึงขยายเวลาการสอบสวนออกไปหนึ่งเดือนและเลื่อนการนำส่งผลสรุปการสอบสวนจากเดิม 10 เมษายน มาเป็นเดือนพฤษภาคม  ที่ตรงกับการประชุมแพทยสภาวันที่ 8 พฤษภาคม 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 เมษายน  มีการแถลงข่าวจากแพทยสภา หลังการประชุมประจำเดือนเมษายน เสร็จสิ้นลง  โดยวันดังกล่าว รศ.(พิเศษ) นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ กรรมการแพทยสภา ได้ชี้แจงขั้นตอนการสอบสวนเรื่องร้องเรียนแพทย์ของแพทยสภา โดยมีเนื้อหาโดยสรุปว่า มีทั้งสิ้น 7 ขั้นตอน และขั้นตอนที่อนุกรรมการสอบสวนฯ ชุด ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร กำลังสอบสวน อยู่ในขั้นตอนที่ 4 ซึ่งเมื่อสอบสวนเสร็จ ต้องส่งเรื่องให้อนุกรรมการกลั่นกรองที่มีบุคคลภายนอก ซึ่งไม่ใช่แพทย์ แต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางกฎหมายให้ความเห็นต่อคดีเพื่อให้มีความแน่นหนาต่อการทำสำนวน ที่เป็นขั้นตอนที่ 5 จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 6 คือส่งให้ที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการแพทยสภา เพื่อพิจารณาว่าผู้ถูกร้องมีความผิด ต้องลงโทษหรือไม่ หรือยกข้อกล่าวหา และเมื่อลงมติแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 7 คือ เสนอต่อสภานายกพิเศษ ซึ่งถ้าสภานายกพิเศษใช้อำนาจโต้แย้ง เรื่องจะต้องย้อนกลับมายังคณะกรรมการแพทยสภาลงความเห็น

โดยหากที่ประชุมแพทยสภาลงมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม ทางผู้ถูกร้อง (หากถูกลงโทษ) ถ้าไม่เห็นด้วยก็สามารถยื่นร้องต่อศาลปกครอง แต่ถ้าที่ประชุมแพทยสภาเสียงไม่ถึง 2 ใน 3 จะถือว่ายึดตามความเห็นของสภานายกพิเศษ ที่ก็คือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข