5 พฤษภาคม 2568 ที่หน่วยเฉพาะกิจจังหวัดนราธิวาส ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามสถานการณ์เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ พร้อมหารือกับหน่วยงานด้านความมั่นคง 3 ฝ่ายทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อวางแนวทางแก้ไขปัญหา
โดยมี พล.ท.กฤษฎา แก้วจันดี รอง ผบช.ภ.9 พลตรีณรงค์ ตันติสิทธิพร ผบ.ฉก.นราธิวาส พล.ต.เฉลิมชัย สุทธินวล ผอ.ศูนย์สันติวิธี นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รอง ผวจ.นราธิวาส พลตำรวจตรี ไมตรี สันตยากุล ผบก..จว.นราธิวาส และตัวแทนเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง จำนวนกว่า 100 นาย เข้าร่วมประชุม
ในที่ประชุมได้มีการชี้แจงของเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย เกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัย สถานการณ์ด้านการข่าว ในห้วงเดือนเมษายนถึงปัจจุบัน พร้อมเปรียบเทียบสถิติเหตุการณ์ในพื้นที่ ตั้งแต่ ปี 2565 จำนวน 44 เหตุการณ์ , ปี 2566 จำนวน 38 เหตุการณ์ , ปี 2567 จำนวน 39 เหตุการณ์ และปี 2568 จำนวน 38 เหตุการณ์ ซึ่งแนวโน้มสถานการณ์มีการก่อเหตุรุนแรงต่อกลุ่มไทยพุทธ เจ้าหน้าที่รัฐและฐานปฏิบัติการณ์ในห้วงที่ผ่านมา
โดยทางจังหวัดนราธิวาส ได้ประกาศยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทั่วทั้งจังหวัด หลังเกิดเหตุรุนแรงต่อประชาชนไทยพุทธ ในพื้นที่อำเภอตากใบ และอำเภอจะแนะ โดยมีคำสั่งให้ทุกอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อ งบูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน และป้องกันเหตุซ้ำ
พร้อมกำชับให้ทุกพื้นที่ ดำเนินมาตรการเชิงรุก รวมถึงการจัดชุดลาดตระเวน การเพิ่มจุดตรวจจุดสกัด และการดูแลพื้นที่เสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะบริเวณที่มีการจัดกิจกรรมสาธารณะ หรือมีประชาชนรวมตัวเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ จังหวัดขอความร่วมมือจากผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และประชาชนทุกภาคส่วน ในการสอดส่องดูแลความปลอดภัย โดย พ.ต.อ.ทวี ได้กล่าวในที่ประชุมการลงพื้นที่ในครั้งนี้ว่า รัฐบาลมีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ชายแดนใต้ และมุ่งมั่นในการคลี่คลายปัญหาความไม่สงบอย่างเป็นระบบ พร้อมเน้นย้ำการฟื้นฟูขวัญและกำลังใจ ของประชาชนเป็นสำคัญ และเชื่อมั่นในการดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ พร้อมให้กำลังใจและรับฟังความเห็นของทุกคน เพื่อนำไปแก้ไขปัญหาในพื้นที่ให้ตรงจุดและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ต่อมา พ.ต.อ.ทวี ได้เดินทางไปเยี่ยมปลอบขวัญเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชน ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบ จำนวน 6 ราย ที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ คือ 1.นายทัศไนย์ ตั้งคง ที่ได้รับบาดเจ็บจากพื้นที่ อ.จะแนะ 2.ด.ต.สาธิต คำแหง 3. ด.ต.ธีรวัฒน์ จอดนอก 4.จ.ส.ต.สาคร รัตนศิริ 5.ส.ต.ท.ธีปกรณ์ ชูสิงห์ ซึ่งถูกสะเก็ดระเบิดพื้นที่ อ.จะแนะ และ 6. ด.ญ.นัชมีย์ อายุ 15 ปี ซึ่งถูกสะเก็ดระเบิดที่ สภ.โคกเคียน พร้อมทั้งได้มีการพูดคุยให้กำลัง และมอบเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในครั้งนี้
พ.ต.อ.ทวี เปิดเผยว่า การพูดคุยเจรจากับ BRN ว่า เป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาล เพราะการจะนำสันติภาพและสันติสุขมา ก็ต้องหันหน้ามาคุยกัน และที่สำคัญก็คือความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของทุกคนมีความสำคัญ เราก็เร่งแก้ไขโดยเร็วต้องสร้างความเชื่อมั่น ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่และในประเทศ
ส่วนเรื่องประเด็นดังกล่าวนั้น ก็มีหลายทฤษฎีในการคิด ก็ขอให้อยู่ในวงนโยบายของรัฐบาล ส่วนของความรุนแรงที่ดูเหมือนว่า มีแนวโน้มไปยังพี่น้องชาวไทยเปราะบางแน่นอนที่สุด ในส่วนของทางฝั่งรัฐเอง มีนโยบายต้องเข้าไปคุ้มครองชุมชนไทยพุทธ และการคุ้มครองก็ไม่เฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ แม้แต่ผู้นำศาสนา ก็ต้องไปสร้างความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะไม่ได้เป็นเรื่องศาสนา
และที่สำคัญเราก็ต้องดูว่าไม่ใช่ไทยพุทธอย่างเดียว กลุ่มที่ได้รับผลกระทบ เราต้องดูเรื่องเศรษฐกิจก็ให้อยู่ได้ด้วย ต้องมีการยกระดับ ส่วนโปรแกรมนั้นอาจจะมีเยอะ แต่ในระยะแรกคือดูในมิติของความยุติธรรม แต่ในมิติเชิงนโยบายที่ต้องมาแก้เฉพาะหน้า วันนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความทุกข์ของประชาชน เราต้องเร่งแก้โดยเฉพาะพี่น้องไทยพุทธ เราต้องเปิดพื้นที่ให้เขาได้ให้เขารับรู้ว่า รัฐบาลแก้ปัญหาอะไรแล้วก็เขาได้ระวังตัวด้วย บางทีถ้าเขาไม่ป้องกันไม่ระวังตัวเพื่อความอยู่รอดเศรษฐกิจ เขาต้องอยู่ให้ได้ เราก็ต้องทำควบคู่ไป
จากนั้น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เดินทางไปที่ ที่วัดโคกมะม่วง อ.ตากใบ เพื่อเป็นประธานพิธีฌาปนกิจศพ นายดำ จันทร์คง อายุ 79 ปี และหลานสาว ด.ญ.สสิตา อายุ 9 ขวบ ที่ถูกคนร้ายกราดยิงจนเสียชีวิต เมื่อค่ำคืนวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมาจากเหตุการณ์นั้น มีผู้เสียชีวิตรวม 3 คนและบาดเจ็บอีก 2 ราย โดยทั้งหมดก็เป็นเครือญาติกัน
พ.ต.อ.ทวี ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเจรจาพูดคุย โดยเมื่อถามถึงประเด็นที่รัฐบาล ไม่ตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยเป็นปัจจัยให้เกิดการก่อเหตุหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าว ในที่ประชุมไม่ได้พูดถึงเรื่องดังกล่าว แต่ได้รับฟังการทำงาน ทั้งนี้หน้าที่ของรัฐบาลสร้างความปลอดภัย ตามที่ได้แถลงนโยบาย คือการสันติสุข และสันติภาพกลับสู่ภาคใต้ เพราะเป็นปัญหาวาระของชาติต่อจากนี้จะเข้มข้น ส่วนการพูดคุยเป็นนโยบนายที่สมช.กำหนด
“เรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาล การนำสันติสุขต้องพูดคุยกัน ไม่ใช่การเสียหน้า เราเร่งแก้ไข ส่วนตัวผมมองว่า ต้องมีวิธีแก้โดยเร็วผ่านความเชื่อมั่น ส่วนการตั้งคณะเจรจานั้น มีหลายทฤษฎีในการคิด ขอให้อยู่ในวงนโยบายอีกครั้ง เร็วๆ นี้จะคุยกันอีกครั้ง