svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“พริษฐ์” เมินแก้ญัตติซักฟอกลบชื่อ “ทักษิณ” - ชี้เกินกรอบเวลาแล้ว

“พริษฐ์” เมินแก้ญัตติซักฟอกลบชื่อ “ทักษิณ” ออก - ชี้เกินกรอบเวลาประธานสภาฯ สั่งแก้ญัตติแล้ว พร้อมยกเหตุผล ปชน.ไม่จำเป็นต้องแก้ญัตติให้ ปชช.ตัดสินความเหมาะสมเอง

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกพรรคฯ กล่าวถึงกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรทำหนังสือด่วนถึงผู้นำฝ่ายค้าน เพื่อขอให้นำชื่อ “บุคคลภายนอก” หรือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะบิดาของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี ออกจากเนื้อหาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ตนเองไม่เห็นถึงเหตุผลว่าเหตุใด พรรคประชาชนจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการดังกล่าว เพราะในเชิงอำนาจหน้าที่ ตนเห็นว่า ข้อบังคับไม่ได้ให้อำนาจประธานสภาผู้แทนราษฎร ในการใช้ดุลพินิจมาตัดสินว่า เนื้อหาสาระของญัตติควรจะเป็นเช่นไร หรือมีความเหมาะสมหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ระบุชัดเจนถึงสิทธิของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ โดยไม่มีส่วนไหนที่พูดถึงดุลพินิจของประธานสภาผู้แทนราษฎรในการประเมินเนื้อหาของญัตติ เพื่อตัดสินใจว่าจะบรรจุญัตติหรือไม่

นายพริษฐ์ ยังเห็นว่า ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ข้อ 176 ก็ระบุเพียงแค่ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบว่า ญัตติมี ''ข้อบกพร่อง'' หรือไม่ เมื่อพิจารณาจากข้อกฎหมายดังกล่าว ''ข้อบกพร่อง'' ในที่นี้ ย่อมถูกเข้าใจได้ว่า หมายถึงในกรณีที่มีข้อผิดพลาดในเชิงรูปแบบ เช่น มีรายชื่อผู้เสนอที่ไม่ครบตามเกณฑ์ที่ต้องการ ลายเซ็นของผู้เสนอไม่ตรงกับลายเซ็นในระบบ หรือมีการอ้างถึงมาตราหรือข้อกฎหมายที่คลาดเคลื่อน และในเชิงขั้นตอนนั้น แม้จะอ้างข้อบังคับข้อ 176 ในการแจ้งให้พรรคฯ แก้ไขข้อความในญัตติ แต่การแจ้งของประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น ไม่ชอบด้วยข้อบังคับ เพราะไม่เป็นไปตามกรอบเวลาที่ระบุไว้ในข้อบังคับข้อ 176 ซึ่งระบุหากญัตติมีข้อบกพร่องให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร แจ้งผู้เสนอทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับญัตติ แต่สำหรับกรณี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับญัตติวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร  ลงวันรับ และตามหลักฐานการยื่นหนังสือที่ถูกรายงานตามสื่อต่อสาธารณะ ในขณะที่ ได้มีการแจ้งมาที่ผู้เสนอในวันที่ 7 มีนาคม ซึ่งเกินกรอบภายในเจ็ดวันอย่างชัดเจน และในเชิงเนื้อหาสาระนั้น ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาสาระของญัตติ แต่ปัจจุบันไม่มีข้อกฎหมาย หรือข้อบังคับข้อใดที่ระบุห้ามไม่ให้พูดถึงชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาของญัตติ และญัตติในอดีต ก็มีหลายครั้งที่มีการกล่าวถึงบุคคลภายนอก เช่น เนื้อหาของญัตติที่เสนอโดย สส.พรรคเพื่อไทย ในปี 2562 เกี่ยวกับการติดตามการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ ต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ก็มีการกล่าวถึงบุคคลภายนอกอย่างชัดเจน

นายพริษฐ์ ยังระบุว่า ข้อบังคับมีการพูดถึงบุคคลภายนอกในข้อ 69 ในบริบทของการอภิปราย ซึ่งก็ไม่ได้เป็นการห้ามการอภิปรายบุคคลภายนอกโดยสิ้นเชิง แต่เป็นเพียงการห้ามไม่ให้กล่าวถึงบุคคลใดโดยไม่จำเป็น ซึ่งท้ายสุดแล้ว หากเนื้อหาของญัตติ และการอภิปรายมีการกล่าวถึงบุคคลภายนอกจนเกิดความเสียหาย ผู้เสนอญัตติและผู้อภิปรายจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าวเอง 

นายพริษฐ์ ยังมองว่า ในมุมกฎหมาย ตนเองไม่เห็นถึงเหตุผลว่า ทำไมพรรคประชาชนจำเป็นต้องนำชื่อ “บุคคลภายนอก” ออกจากเนื้อหาญัตติ และในมุมการเมือง ตนเห็นว่า เป็นดุลพินิจของประชาชน ที่จะเป็นผู้ตัดสินได้เองว่า การระบุถึง “บุคคลภายนอก” มีความเหมาะสมและจำเป็นต่อการวิเคราะห์และวิจารณ์การบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ และยิ่งในเมื่อบุคคลภายนอกดังกล่าว ก็ประกาศเองว่า ต้องการ “สทร.” เกี่ยวกับการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้