
9 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.30 น. "คณะกรรมการ ป.ป.ช." นัดประชุมโดยมีระเบียบวาระการประชุม หลายเรื่อง วาระที่สำคัญก็คือ เรื่องกล่าวหา "พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย" เมื่อครั้งดำรงดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 กับพวก รวมไปถึง "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล" อดีตรอง ผบ.ตร. เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยมิชอบ รวมอยู่ด้วย
โดยมีรายงานว่าคณะกรรมการไต่สวน มีมติให้ตีตกคำร้องของผู้กล่าวหา เห็นว่า "บิ๊กโจ๊กกับพวก" ไม่เกี่ยวข้องกับเงินจากเว็บพนัน เสนอความเห็นให้ยุติเรื่องคดีกล่าวหา "บิ๊กโจ๊ก"
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า แหล่งข่าวระดับสูงใน "ป.ป.ช."เปิดเผยว่า เรื่องนี้ "กรรมการป.ป.ช." บางท่านพยายามที่จะเอาเรื่องนี้ให้กรรมการ ป.ป.ช ชุดใหญ่ พิจารณา "ยุติ" มาหลายครั้งแล้วซึ่งจะมีการนำเรื่องเข้าพิจารณาวันพรุ่งนี้( 10 กุมภาพันธ์ 2568 ) อีกแต่ทางพนักงานสอบสวน มีความพยายามเช่นกัน ที่จะประสานงานและให้กรรมการชุดใหญ่เลื่อนการพิจารณามาหลายครั้งแล้วเช่นกัน
โดยเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พนักงานสอบสวน บก.น.2 ได้ส่งหลักฐานเพิ่มเติมไปให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา จึงมีการตั้งข้อสังเกตในวาระที่จะมีการพิจารณา จะไม่มีชื่อบุคลที่พนักงานสอบสวน แสดงหลักฐานปรากฏความผิดชัดเจน ซึ่งกรรมการ ป.ป.ช.จะแฝงไว้บางเรื่องใว้ข้างใน โดยไม่ให้มีการเปิดเผยหนังสือที่พนักงานสอบสวนคดีฟอกเงิน ส่งไปให้กรรมการ ป.ป.ช. ทุกคน
ที่พนักงานสอบสวนคดีฟอกเงิน ได้ส่ง "หนังสือการยื่นข้อเท็จจริงและเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม" ให้กรรมการชุดใหญ่ของ ป.ป.ช. สิ่งที่คาดไว้และเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริงคือ ต้องการให้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. / พนักงานสอบสวนตำรวจจึงส่งตรงถึงคณะกรรมการทุกท่านไปเลย
"ตอนนี้มี 7 ท่าน มีหนึ่งท่าน ติดเรื่องความเป็นปรปักษ์ เข้าประชุมลงมติไม่ได้ ส่วนอีกท่านขอถอนตัว อ้างเรื่องเกษียณ คงเหลือ 5 ท่าน โดยมีแนวโน้มคาดว่า ถ้ามีการโหวตจริงๆผู้ร้องอาจแพ้ 3:2 ให้ยุติคดีกล่าวหาบิ๊กโจ๊ก" แหล่งข่าว กล่าว
ทางพนักงานสอบสวนผู้ร้อง จึงต้องใช้วิธีได้มีหนังสือแสดงข้อเท็จจริงและเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมไปที่กรรมการ ป.ป.ช.ทุกคน ผู้ร้องมีความกังวลเพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจคณะพนักงานสืบสวนกำลังเร่งรัดให้พิจารณาวินัยร้ายแรง ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วภายในวันที่ 20 ก.พ.นี้ จึงอยากให้ ป.ป.ช. เลื่อนการพิจารณาไปก่อน
นอกจาก"คดีบิ๊กโจ๊ก" กับพวก ถูกกล่าวหา ฟอกเงินเว็บพนัน ที่คณะกรรมการไต่สวนฯ มีความเห็นเบื้องต้นให้ตีตกคำร้อง จะเข้า ป.ป.ช.ชุดใหม่พรุ่งนี้ ยังมีต้องจับตาอีกคดี คือ คำร้องถอดถอน กรรมการ ป.ป.ช.บางคน จากคดีที่เกี่ยวเนื่องกันด้วย ต้องลุ้นมติเหมือนกัน ว่าจะมีมติส่งให้ศาลฎีกา พิจารณาความผิดด้านจริยธรรม ที่ทำคดีบิ๊กโจ๊กต่างแตกกับคดีบิ๊กต่อ แบบ 2 มาตรฐาน
คดีนี้ คณะตำรวจชุด ที่ถูกกล่าวหาร่วมกับ "พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล" อดีต ผบ.ตร. เรียกรับเงินหรือทรัพย์สินจากเว็บพนันออนไลน์ และ ป.ป.ช. มีมติรับไต่สวนและให้กรรมการ ป.ป.ช. ทุกคนเป็นคณะกรรมการไต่สวน / ผู้ถูกกล่าวหากลุ่มนี้ จึงยื่นคำร้อง ขอให้ไต่สวน และถอดกรรมการ ป.ป.ช.รายหนึ่ง และยังขอให้ส่งเรื่องให้ศาลฎีกา พิจารณาเอาผิดเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรม
ผู้ถูกกล่าวหากลุ่มนี้ บรรยายเรื่องราวความเป็นมาสรุปว่า กรรมการ ป.ป.ช.คนนี้ เป็นอนุกรรมการกลั่นกรองสำนวนคดีของ พลตำรวจเอก สุรเชชษฐ์ หักพาล จากกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
มีการยกประเด็นว่า ค่าใช้จ่ายของ "บิ๊กโจ๊ก" ในเรื่องต่างๆ ด้วยเงินจากบัญชีม้า ของ "พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ" ลูกน้องคนสนิท"บิ๊กโจ๊ก" ไม่เกี่ยวข้องกับเงินจากเว็บพนัน รวมถึงเสนอความเห็นให้ยุติเรื่องคดีกล่าวหา "บิ๊กโจ๊ก" และพวก
ผู้ที่ยื่นคำร้องชุดนี้ มองว่า "บิ๊กโจ๊ก" ถูกกล่าวหาในพฤติการณ์เดียวกันกับบิ๊กต่อ ที่ถูกกล่าวหาว่ามีการรับผลประโยชน์จากเว็บพนันเหมือนกัน ซึ่งเป็นพยานหลักฐานเดียวกันด้วย / แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช.รายนี้ กลับมีความเห็นในลักษณะฟันธงว่าบิ๊กต่อ มีการรับเงิน จากเว็บพนัน รู้เห็นกับเงินบัญชีม้า
จึงเป็นการเลือกปฏิบัติและแสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นกลางสองมาตรฐานอย่างชัดแจ้ง ซึ่งคดีในลักษณะเดียวกัน กลับมีการดำเนินการที่แตกต่างกันอย่างชัดแจ้ง ไม่เป็นไปตามมาตรฐานทางจริยธรรม ของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ไม่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต ขัดกับกรอบศีลธรรมอันตีของประชาชน / ไม่เป็นไปด้วยความยุติธรรม ขาดความเป็นอิสระ เป็นกลาง มีอคติในการปฏิบัติหน้าที่
ทำให้ผู้ถูกกล่าวหา และไม่ได้ความเป็นธรรมจากการปฏิบัติหน้าที่ที่มีชอบด้วย กฎหมายของ กรรมการ ป.ป.ช.รายนี้ ขอให้ "ประธาน ป.ป.ช." ดำเนินการไต่สวนและมีความเห็นถึงการไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และเสนอเรื่องต่อศาลฎีกา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 เพื่อวินิจฉัยโดยด่วนต่อไป
และในระหว่างนี้ขอให้สั่งการไม่ให้ "กรรมการ ป.ป.ช." รายนี้ทำการไต่สวน หรือลงมติในเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงหรือโดยอ้อม เนื่องจากเป็นคู่กรณีที่ไม่เป็นกลางและถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียอันต้องห้ามพิจารณา
ต้องรอดูว่า ในวันพรุ่งนี้( 10 กุมภาพันธ์ 2568 ) "ป.ป.ช." จะมีมติเรื่องนี้อย่างไร