6 กุมภาพันธ์ 2568 นางมะตินติน เมี๊ยะ ประธานหอการค้าจังหวัดเมียวดี สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ให้สัมภาษณ์พิเศษผ่านทางโทรศัพท์กับทีมเนชั่นทีวีว่า หลังจากที่ประเทศไทยได้ตัดไฟฟ้า และระงับการจ่ายไฟฟ้า จากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มายังจังหวัดเมียวดี เพื่อปราบปราบแก็งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา ผ่านไป1วัน ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในจังหวัดเมียวดี เพราะพึ่งพาอาศัยไฟฟ้า และน้ำมันเชื้อเพลิงจากไทยแทบจะ100% แม้ว่าในคืนแรกของการไม่มีไฟฟ้าใช้ ช่วงกลางคืนไฟจะไม่ดับทั้งเมือง และยังมีแสงไฟบางพื้นที่ เพราะช่วงกลางวันมีการไปแห่ซื้อน้ำมัน เพื่อมาใช้งานกับเครื่องปั่นไฟ จนทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงในพื้นที่จังหวัดเมียวดีหมดสต็อกแล้ว
และในคืนที่ 2 นี้ เชื่อได้ว่า ประชาชนจะเดือดร้อนอย่างหนัก ซึ่งตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ทันทีที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ทำให้ระบบเซิร์ฟเวอร์ของหน่วยงานราชการล่ม เป็นอุปสรรคต่อการทำงานทั้งหมด และที่น่ากังวลคือ ผู้ป่วยที่อยู่ในห้องไอซียู และผู้ป่วยรอการผ่าตัด มีความเสี่ยงต่อชีวิต เนื่องจากระบบไฟฟ้าสำคัญต่อทางการแพทย์ รวมไปถึงหากมีการขาดออกซิเจน ก็ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
นอกจากนี้ น้ำมันเชื้อเพลิงยังมีความสำคัญต่อระบบขนส่งสินค้า "ไทย-เมียนมา" ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ คาดว่าหากขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงต่อเนื่อง จะทำให้การนำเข้า และส่งออกสินค้าได้รับผลกระทบ เพราะสินค้าไทยครองตลาดในเมียนมามาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม จากการประชุมร่วมกับทางผู้บริหารจังหวัดเมียวดี ได้ข้อสรุปว่า ตนเองจะเป็นตัวแทนนำหนังสือยื่นถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมาปฎิบัติภารกิจที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ในวันนี้ (6ก.พ.2568) ลงนามโดยนาย Kuang San Lin ผู้ว่าราชการจังหวัดเมียวดี โดยจะขอให้ทางรัฐบาลไทยผ่อนผัน 2 ข้อสำคัญคือ