นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคฯ พร้อมด้วย สส.และแกนนำพรรคฯ ร่วมกันแถลงข่าว ประกาศจุดยืนคัดค้านและต่อต้านร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรของรัฐบาล โดยเห็นว่า การเปิดบ่อนกาสิโนในประเทศจะทำให้ปัญหาการติดการพนันทวีความรุนแรงขึ้น รวมถึงสร้างผลกระทบต่อครอบครัว เช่น การใช้ความรุนแรงในบ้าน การหย่าร้าง และความล้มเหลว ทางการเงิน นอกจากนี้ การมีบ่อนกาสิโนจะเปลี่ยนค่านิยมในสังคม ส่งเสริมวัฒนธรรมการพนัน และทำให้คนไทยเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต เช่น ความเครียดจากหนี้สินและการฆ่าตัวตาย การเปิดกาสิโนอาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ในระยะยาวจะไม่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เนื่องการพนันไม่สร้างผลผลิตทางเศรษฐกิจที่แท้จริงเป็นเพียงการโยกย้ายเงินจาก ผู้แพ้ไปสู่ผู้ชนะ ซึ่งเจ้าของกาสิโนคือผู้ได้ประโยชน์หลักแม้จะอ้างว่าจำกัดพื้นที่กาสิโนเพียง 10% แต่ตัวอย่างจากสิงคโปร์ที่กำหนดพื้นที่กาสิโนเพียง 3% กลับสร้างรายได้ถึง 70% ของอุตสาหกรรมบันเทิง แสดงให้เห็นว่าเป้าหมายของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่แท้จริงอาจเป็นการเปิดบ่อนเสรีนั้นเอง
นายชัยมงคล ยังระบุว่า ในอดีตรัชกาลที่ 5 เคยเสด็จฯ ไปมอนติคาโล และเห็นผลกระทบของกาสิโน ทรงตระหนักว่า หากเปิดในไทยจะเป็นหายนะต่อประเทศและประชาชน จึงโปรดเกล้าฯ ให้ยกเลิกบ่อนเบี้ยในสมัยนั้น ซึ่งตนไม่เข้าใจว่า แนวคิดเช่นนี้ทำไมถึงเกิดขึ้นในประเทศ หรือเป็นเพราะว่ารัฐบาลไม่สามารถหารายได้เข้าประเทศได้จากทางอื่น จึงปล่อยให้ประเทศชาติเกิดบาดแผลเพราะการพนัน
ขณะที่ หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี ที่ปรึกษาศูนย์นโยบายและวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของร่างกฎหมายคาสิโนว่า มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการลงทุน และส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืน แต่ตนมองว่า เป็นเพียงแค่ “มายาคติ” ที่ขาดความละเอียดรอบคอบทางนโยบาย เนื่องจากการท่องเที่ยวไทยมีจุดขายจาก “ซอฟต์พาวเวอร์ทางวัฒนธรรมไทย” ที่แข็งแกร่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การเปิดบ่อนคาสิโนในประเทศไทย จึงไม่ได้เพิ่มเสน่ห์ให้ประเทศมากขึ้น ตรงกันข้ามเท่ากับเป็นการส่งเสริมให้คนไทยติดการพนันเพิ่มขึ้นเป็นการทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง และกฎหมายที่ร่างขึ้นไม่ต่างจากการตีเช็คเปล่าให้นักการเมืองตั้ง “คณะกรรมการนโยบาย” ขึ้นมา โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีอำนาจสูงสุดในการกำหนดหลักเกณฑ์สำคัญทุกอย่าง ปรากฏตามมาตรา 11 เช่น การให้ใบอนุญาต จำนวนใบอนุญาต จังหวัดที่อนุญาต เพื่อนำเข้า ครม. โดยจากปราศจากการประมูลแข่งขันผลประโยชน์ของรัฐส่วนค่าธรรมเนียมต่างๆ ก็อยู่ในกรอบ “ห้ามเกิน” ได้แก่ ค่าธรรมเนียมครั้งแรก 5,000 ล้านบาทต่อ 30 ปี หรือเฉลี่ยปีละ 166 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมรายปี 1,000 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการนโยบายฯ สามารถปรับลดลงได้ตามดุลยพินิจ และที่ร้ายที่สุดคือ เรื่องภาษีจาก “ยอดเงินพนัน” (Gross Gambling Revenue: GGR) ซึ่งในต่างประเทศถือเป็นรายได้หลักของรัฐ แต่ร่างกฎหมายใหม่นี้มอบอำนาจให้คณะกรรมการนโยบายฯ กำหนดเอง โดยไม่มีหลักประกันความโปร่งใส หากนักการเมืองเข้าไปเป็นเจ้าของบ่อนผ่านนอมินี เท่ากับเป็นการเปิดช่องให้นักการเมืองบางกลุ่ม “ชงเอง กินเอง” อย่างไร้การตรวจสอบและถ่วงดุล
หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ กล่าวอีกว่า โครงการนี้ยังขาดการประเมินความเสียหายต่อสังคมจากผู้ติดการพนัน โดยงานวิจัยของสหรัฐฯ (ปี 2546) ชี้ว่า การพนันสร้างความเสียหายสูงถึง 700,000 บาทต่อคน ขณะที่ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้เก็บสถิติ ในประเทศไทยปี 2564 พบว่ามีผู้ติดพนัน 3.5 ล้านคน หากเปิดเสรีบ่อนการพนัน ผู้ติดพนันอาจเพิ่มเป็น 5 ล้านคน ดังนั้น อาจสร้างต้นทุนทางสังคมสูงถึง 3.5 ล้านล้านบาท โดยไม่มีหลักประกันว่า จะแก้ปัญหาบ่อนเถื่อนได้ เลยเพราะบ่อนเถื่อนไม่มีข้อจำกัดในการเข้าเช่นเดียวกับบ่อนถูกกฎหมายในร่างกฎหมายฉบับนี้ นโยบายนี้จึงถือว่าได้ไม่คุ้มเสีย
ด้าน นายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ เชื่อว่า การเปิดกาสิโนอาจเป็นช่องทางการฟอกเงินจากธุรกิจทุนสีเทาและคอร์รัปชัน และอาจทำให้กลุ่มทุนใหญ่ใช้อิทธิพลครอบงำนโยบายของรัฐบาลอีกทั้งการเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติยังขาดการมีส่วนร่วมจากประชาชน และไม่มีมาตรการป้องกันผลกระทบที่ชัดเจน รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหาการพนันที่แพร่ระบาด ทั้งหวยใต้ดิน หวยประเทศเพื่อนบ้าน และการพนันออนไลน์ที่กำลังบั่นทอนเศรษฐกิจครัวเรือน และสร้างปัญหาเชิงโครงสร้างที่รุนแรง ซึ่งการตั้งบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายไม่ใช่คำตอบของการแก้ไขปัญหาพนันทุกรูปแบบที่อยู่ในประเทศไทย ณ เวลานี้ ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐ เรียกร้องให้รัฐบาลยุติการเสนอร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เข้าสู่ที่ประชุม ครม. พร้อมเชิญชวนประชาชนทุกภาคส่วนแสดงพลังคัดค้านผ่านการติดแฮชแท็ก #ไม่เอากาสิโน บนโซเชียลมีเดีย ทุกแพลตฟอร์ม เพื่อสร้างกระแสตระหนักรู้และปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ เพราะการพนันจะเป็นเหตุทำให้เศรษฐกิจของประเทศพังพินาศ และตามมาด้วยปัญหาครอบครัว รวมถึงยังปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนของประเทศถูกซึมซับการพนันด้วย