
21 มกราคม 2568 แกนนำกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง นำโดย "นายจตุพร พรหมพันธุ์" , "นายพิชิต ไชยมงคล" ,"นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม" , "นายแก้วสรร อติโพธิ์" ,"นายเจษฎ์ โทณะวณิก"/"นายนิติธร ล้ำเหลือ" ,"พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม" เดินทางมายื่นหนังสือถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี ถึงกรณีการพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ของ "นายทักษิณ ชินวัตร"อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล โดยมี "นายสมคิด เชื้อคง" รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองเป็นผู้รับหนังสือ บริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล
โดย "นายแก้วสรร อติโพธิ" นักวิชาการ กล่าวว่า เรื่องชั้น 14 ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งทางการเมือง แต่เป็นเรื่องความถูกต้องของแผ่นดิน ทุกคนต้องเสมอภาคภายใต้กฎหมาย ไม่ว่าจะนามสกุลอะไร การเดินทางมาในวันนี้ หากศาลตัดสินว่าทำผิดต่อสู้คดีแล้ว หลักฐานชัดเจนจะต้องติดคุก การมาเรียกร้องในวันนี้มาเพื่อให้กฎหมายเป็นกฎหมาย ไม่ใช่ละเมิดกฎหมายเสียเอง พร้อมเรียกร้องนายกรัฐมนตรี จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบแม้จะเป็นพ่อ ก็ต้องทำ เพราะตำแหน่ง นายกฯไม่มีพ่อมีแม่ แต่กลับเพิกเฉยมาตลอด ขอให้ใช้อำนาจในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของฝ่ายบริหาร สั่งทุกหน่วยงานตั้งแต่โรงพยาบาลตำรวจ เรือนจำ และกรมราชทัณฑ์ยื่นเอกสารเรียกเวชระเบียนทั้งหมด ให้กับ ปปช. และแพทยสภา และศาลยุติธรรม ซึ่งจะเป็นผู้พิจารณาในสัปดาห์หน้า ถ้าไม่ทำ จะติดเหมือนกับ พ่อและอา ของนายกรัฐมนตรี ข้อหาละเว้นโดยทุจริต พร้อมกับฝากว่า คำว่า นายกรัฐมนตรีทรพีไม่มีอยู่ในพจนานุกรมมีแต่นายกรัฐมนตรี ทรยศประชาชน
ด้าน "นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม" ประธานพรรคไทยภักดี ระบุว่า ต้องการมาสื่อสารโดยตรงถึงนายกรัฐมนตรี ว่าถึงเวลาที่ต้องร่วมรับผิดชอบร่วมกับนักโทษชั้น 14 และขณะนี้ออกมาอาละวาดทั่วประเทศไทย ต้องให้ประชาชนช่วยกันต้อนกลับไปคุก ซึ่งได้นำหลักฐาน มาชี้แจงว่าละครชั้น 14 นั้นไม่เนียน
โดยเฉพาะโรงพยาบาลตำรวจอ้างว่าส่งเวชระเบียนมาบางส่วน ทางการแพทย์สรุปได้เลยว่า "ไม่มี" พร้อมกล่าวว่า เวชระเบียนทั้งหมดจะต้องอยู่ในแฟ้มเดียวกัน หากใช้ระบบคอมพิวเตอร์จะต้องอยู่ในไฟล์เดียวกันทั้งหมด ไม่สามารถแยกส่วนได้ และในฐานะนายกรัฐมนตรีจะต้องลงมาจัดการเรื่องนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป และมองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม อย่าเอาพ่อมาอ้าง หากกังวลเรื่องพ่อ แล้วไม่ดูแลเรื่องกระบวนการยุติธรรม ขอให้ออกไป และนี่คือเสียงเล็กๆจากประชาชน ว่าให้นายกรัฐมนตรีออกไป และหากยังไม่จัดการจะเจอกับเหตุการณ์ที่ใหญ่กว่านี้
ขณะ"นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์" กล่าวว่า การที่นายทักษิณไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวเป็นการขัดพระบรมราชโองการ และยังขัดต่อคำพิพากษาของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงอยากส่งเสียงไปยังที่ประชุมศาลฎีกาให้เรียกนายทักษิณ กลับมาติดคุก การที่นายทักษิณไม่ติดคุกเชื่อว่ามีกระบวนการร่วมมือกัน และไม่ได้เริ่มตั้งแต่ 22 สิงหาคม แต่เริ่มตั้งแต่สมัยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีการตกลงและเตรียมการจัดฉาก หลอกประชาชนทั้งประเทศ พร้อมมองว่าขณะนั้นเองมีการแก้ไขกฎกระทรวงหลายฉบับ เพื่อช่วยนายทักษิณ และปัจจุบันนายสมศักดิ์ เป็นสภานายกพิเศษแพทยสภา ซึ่งหากรายงานผลการสอบของแพทยสภาแล้ว นายสมศักดิ์คัดค้าน ก็พร้อมที่จะฟ้องมาตรา 157 อย่างแน่นอน และมีการตั้งข้อสังเกตถึงการพักรักษาตัวยังห้องพิเศษ หากป่วยวิกฤติจริงควรพักรักษาตัวยังห้องไอซียูจึงจะเนียนกว่า
ขณะที่ "นายเจษฎ์ โทณะวณิก" นักวิชาการ ยังถามหาความรับผิดชอบจากรัฐบาลคสช. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าอยู่ที่ใด คสช.ทั้งหลายมีกี่คน แล้วให้ประชาชนมารับผิดชอบ ขณะเดียวกันยังกล่าวถึง นายวิษณุ เครืองาม ที่เห็นปรากฏตัวที่เป็นที่กรมราชทัณฑ์แล้วสุดท้ายนายทักษิณ ก็หายตัวไปจากพื้นที่กรมราชทัณฑ์ไปปรากฏตัวที่ชั้น 14 ความรับผิดชอบของอดีต คสช.อยู่ที่ใด
ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ชนะการเลือกตั้ง แต่พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งแล้ว มันมีกลไกช่วยกัน ถีบหัวพรรคก้าวไกล คนเหล่านั้นรับผิดชอบอะไรบ้าง ส่วนเรื่องคาสิโนพรรคเหล่านี้จะรับผิดชอบอะไรบ้างหรือไม่ ไม่มีบ้านเมืองไหน ถ้าไม่สิ้นคิดจะเปิดกาสิโน ตนจึงอยากถามหา ความรับผิดชอบต้องถามพรรคร่วมรัฐบาล พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องดูว่าร่วมรัฐบาลอยู่หรือไม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล , นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นายวราวุธ ศิลปอาชา และใครต่อใคร คนเหล่านี้ไม่รับผิดชอบต่อบ้านเมืองเลยหรือ พร้อมเสนอหากประชาธิปไตยเป็นเช่นนี้ ตนขอเสนอเลิกประชาธิปไตย
ด้าน "นายจตุพร" กล่าวว่า เรื่องที่ดินอัลไพน์มีกระบวนการตั้งแต่การจัดซื้อ โดยตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มกระบวนการยกภายหลังยกกันเข้าพรรค การที่นายทักษิณออกมากล่าวอ้างมาได้มาโดยสุจริตขอตั้งคำถามว่าไม่รู้จริงๆหรือว่าเป็นที่ดินของวัด อย่าหวังว่าจะได้เงินชดเชยแม้แต่บาทเดียว ขณะเดียวกันยังตั้งข้อสังเกตถึงการตั้งกาสิโน ว่าผู้ถือที่ทำธุรกิจส่วนใหญ่ถือ 2 สัญชาติ มีความใกล้ชิด และท้ายที่สุด ก็จะจบแบบสุดซอย ขณะเดียวกัน ยังชวนจับตาคำพิพากษาของศาลฎีกาในวันที่ 27 มกราคมนี้
พร้อมกับกล่าวทิ้งท้ายว่า ถ้าอยากจะหนีเหมือนพ่อเหมือนอาก็ทำต่อไป แต่หากคิดจะอยู่แผ่นดินไทยต่อ ก็อย่าได้ทำเหมือนสิ่งที่เคยทำมา
สำหรับข้อเสนอของทางกลุ่มได้อ่านข้อเรียกร้องคือ 1. ข้อมูลและพยานหลักฐานสำคัญในคดี คือบรรดาเวชระเบียนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตามที่แพทยสภาได้ขอไว้ ทั้งที่อยู่ในครอบครองของฝ่ายราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ และที่สำคัญที่สุดคืดคือคำรับรองทางการแพทย์ ว่านักโทษมีอาการป่วยหนัก และฝ่ายแพท์ของเรือนจำไม่มีขีดความสามารถรักษาพยาบาลได้ ทั้งที่รับรองไว้ในชั้นส่งตัว รับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาลตำรวจ และในชั้นประกอบรายงานต่อผู้บังคับบัญชาในกระทรวงยุติธรรม ที่ยืนยันให้นักโทษอยู่โรงพยาบาลต่อไป เมื่อครบ 30 วัน, 60 วัน และ 120 วัน
2. คดีบริหารกระบวนการบังคับโทษครั้งนี้เกิดขึ้นในราชการฝ่ายบริหารทั้งสิ้น เป็นคดีสำคัญที่กระทบถึงความเชื่อถือต่อกระบวนการยุติธรรมไทย ทั้งในหมู่ประชาชนและนานาประเทศเป็นอย่างยิ่ง และ ถือเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของฝ่ายบริหารอยู่แล้ว ที่ต้องสะสางคดีนี้ ที่ทำได้ทั้ง สอบสวน ลงโทษ และแก้ไขคือให้กรมราชทัณฑ์ ร้องต่อศาลให้ออกหมายขังใหม่ แต่กลับไม่มีผู้ใด สนใจรับผิดชอบสะสางคดีเลย จนทั้ง ป.ป.ช. และแพทยสภา ต้องเข้ามาคลี่คลายเสียเองในที่สุด
โดยช่วงท้ายของหนังสือ ยังได้ขอนายกรัฐมนตรีแยกแยะระหว่างความสัมพันธ์ส่วนตนกับนายทักษิณ กับการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่จะต้องรักษาไว้ซึ่งความถูกต้องของหัวหน้าฝ่ายบริหาร
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทางกลุ่มจะเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งในวันที่ 25 มกราคม เพื่อยื่นคัดค้านเรื่องการสร้างบ่อนกาสิโน