
13 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลปกครองว่า "นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ" ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานการประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด โดยมีการนำประเด็นข้อกฎหมายในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ที่ "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล" อดีตรอง ผบ.ตร. ยื่นฟ้อง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.), นายกรัฐมนตรี เป็น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 ต่อที่ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา เเละประธานศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งให้นำคดีเข้าสู่ "ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด" มาพิจารณาชี้ขาด
อนึ่ง ตามขั้นตอนการพิจารณาของ "ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด" นั้น องค์คณะที่พิจารณาสำนวนทั้ง 5 คนจะมีหน้าที่บรีฟข้อเท็จจริงเสนอความเห็นต่อ "ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด" เเละจะมีการอภิปรายมีมติเป็นคำพิพากษาคำสั่งต่อไป
แต่อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ในการพิจารณาประเด็นข้อกฎหมายดังกล่าว "องค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุด"เจ้าของสำนวนได้สรุปสำนวนคดีและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง รายงานต่อที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด โดยในที่ประชุมได้มีการเปิดให้ตุลาการศาลปกครองสูงสุดแต่ละคนได้การอภิปรายแสดงความคิดเห็นก่อนที่จะมีการลงมติชี้ขาด ให้องค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดเจ้าของสำนวนเขียนคำพิพากษาต่อไป
ตุลาการศาลปค.สูงสุดปิดปากเงียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุม "ที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด" ตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่เข้าร่วมการประชุม ส่วนใหญ่ต่างปฏิเสธที่จะเปิดเผยผลการประชุม โดยให้เหตุผลว่า ผลการประชุมเป็นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ ต้องรอให้องค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดเจ้าของสำนวน ดำเนินการออกเป็นคำสั่ง หรือคำพิพากษาต่อคู่กรณีที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวเท่านั้น
ซึ่งล่าสุด "องค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุด" เจ้าของสำนวนยังไม่ได้นัดนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก และสั่งนัดอ่านคำพิพากษาในคดีนี้
แต่อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งวันนี้มีรายงานข่าวออกมาทั้ง 2 ทาง โดยทางหนึ่งมีกระแสข่าวว่า ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งคุ้มครองฯ และบางรายงานข่าวก็ระบุว่า ศาลปกครองสูงสุด มีมติยกคำร้องของ "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล" ซึ่งทำให้เกิดความสับสนว่าผลการพิจารณาคดีดังกล่าวเป็นอย่างไร
วันเดียวกัน มีรายงานว่า "สำนักงานศาลปกครอง" ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการตรวจสอบสื่อมวลชน และสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ที่มีการนำเสนอข่าวคดีดังกล่าวเป็นการหมิ่นและละเมิดอำนาจศาล เพื่อดำเนินคดีต่อไป
สำหรับคดีนี้ "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์" ฟ้องว่า ขณะที่ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย. 2567 ให้ตนเองออกจากราชการไว้ก่อน กรณีถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวน กรณีมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ชื่อ BNKMASTER จนถูกดำเนินคดีอาญาและถูกศาลอาญาออกหมายจับ ในความผิดฐานสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ตนเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาได้ยื่นอุทธรณ์ ต่อก.พ.ค.ตร. ต่อมาก.พ.ค.ตร. ได้มีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์และยกคำขอวิธีการชั่วคราวฯ ทำให้ได้รับความเดือดร้อน เสียหาย