นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกพรรคฯ กล่าวถึงกรณีที่ที่ประชุมวุฒิสภา มีมติเสียงข้างมากแก้ไขร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบไป โดยให้การออกเสียงประชามติที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ กลับไปใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้นว่า ตามบัญญัติของรัฐธรรมนูญ สภาผู้แทนราษฎรยังคงมีสิทธิในการยืนยันเนื้อหาภายในร่างกฎหมายที่สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบไปได้ แต่กระบวนการจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งจะกระทบต่อกรอบเวลาที่รัฐบาลจะต้องจัดการออกเสียงประชามติครั้งแรก พร้อมกับการเลือกตั้ง อบจ.ในเดือนกุมภาพันธ์ และมีความเป็นไปได้สูงมาก ที่จะไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ยกร่างโดย สสร.มาใช้ในการเลือกตั้ง 2570
โฆษกพรรคประชาชน ยังแนะนำ 2 ทางออกให้กับรัฐบาลในการแก้ปัญหารัฐธรรมนูญ ได้แก่ การลดจำนวนครั้งการออกเสียงประชามติจาก 3 ครั้ง เหลือ 2 ครั้ง เพื่อให้มีโอกาสมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่จัดทำโดย สสร. บังคับใช้ทันการเลือกตั้ง 2570 ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา จะต้องบรรลุวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อจัดตั้ง สสร.ทั้งของพรรคประชาชน และของพรรคเพื่อไทย ที่ได้ยื่นไว้ตั้งแต่ปี 2567 เข้าสู่วาระการประชุม แต่ขณะนี้ ยังไม่มีการบรรจุ และเมื่อบรรจุแล้ว ก็สามารถเดินหน้าเข้าสู่ขั้นตอนการลดการออกเสียงประชามติเหลือเพียง 2 ครั้งได้ พร้อมยอมรับว่า เข้าใจความกังวลของประธานรัฐสภา ที่กังวลว่า การบรรจุวาระดังกล่าว อาจขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่พรรคประชาชน เคยอภิปรายไปในรัฐสภา และเห็นสอดคล้องกับพรรคเพื่อไทยว่า การบรรจุร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว ไม่ได้ขัดต่อคำวินิจฉัยรัฐธรรมนูญ เพราะศาลฯ ไม่ได้ระบุว่า จะต้องจัดการออกเสียงประชามติถึง 3 ครั้ง ดังนั้น จึงถือเป็นทางออกได้ โดยให้ประธานรัฐสภา บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตั้ง สสร.เข้าสู่วาระการประชุม
ส่วนอีกทางออกหนึ่งนั้น นายพริษฐ์ ระบุว่า เป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ควบคู่กับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แก้ไขมาตราที่มีความจำเป็นแก้ไขไปก่อน ซึ่งพรรคประชาชน ก็เตรียมยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 7 แพ็คเกจ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน, เพิ่มกลไกการตรวจสอบการทุจริต ปรับหลัเกณฑ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นต้น ซึ่งพรรคประชาชน จะสื่อสารไปยังสาธารณะ และหารือกับพรรคการเมืองอื่น ๆ ด้วย เพื่อให้มีโอกาสมีรัฐธรรมนูญใหม่ บังคับใช้ทันเลือกตั้ง
ส่วนท่าทีของ สว.ที่หักมติ สส.พอจะเห็นเค้าลาง หรือโอกาสในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการตั้ง สสร.ประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น นายพริษฐ์ ยังหวังว่า สว.ที่มีบทบาทสำคัญในการร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะทำให้ความเป็นไปได้ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และจัดทำฉบับใหม่ จะมีมากขึ้นกว่าเดิม
ส่วนจำนวน สว.ที่ลงมติหักมติ สส.มีมากถึง 167 เสียง หรือคิดเป็น 3 ใน 4 ของวุฒิสภา และยังมีความเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองด้วย จะยิ่งเป็นอุปสรรคหรือไม่นั้น นายพริษฐ์ เห็นว่า หากกว่า 160 เสียงตัดสินใจขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีอุปสรรคแน่นอน แต่ก็ยังมีความหวังว่า ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อตั้ง สสร. หรือการแก้ไขรายมาตราจะได้รับเสียงสนับสนุนจาก สว. และยังเห็นว่า การจัดตั้ง สสร.เพื่อมาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็สอดคล้องกับพรรคการเมืองรัฐบาลหลายครั้ง ทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคฯ ก็เห็นด้วยกับการมี สสร.มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงหวังว่า จะมีการผนึกกำลังระหว่างรัฐบาล และฝ่ายค้าน ให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกิดขึ้นจริง และได้รับเสียงเห็นชอบเพียงพอจากวุฒิสภา
นายพริษฐ์ ยังกล่าวถึงข้อเสนอของนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เสนอให้มีการตั้งคณะทำงาน โดยเชิญหัวหน้าพรรคการเมืองต่าง ๆ มาพูดคุยกันว่า ตนเองยังไม่เห็นในรายละเอียด แต่ควรจะหาข้อสรุปโดยเร็ว ซึ่งการพูดคุยถือว่า เป็นประโยชน์อยู่แล้ว และพรรคประชาชน ก็มีจุดยืนที่ชัดเจน สามารถนำไปหารือกับพรรคการเมืองอื่น ๆ ได้ แต่ไม่อยากให้กรอบเวลานานจนเกินไป เพราะหากไม่รีบหาทางออกก็จะไม่มีโอกาสมีรัฐธรรมนูญใหม่ บังคับใช้ทันเลือกตั้ง