svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"พรรคประชาชน" ยอมถอย แก้รัฐธรรมนูญปมจริยธรรมนักการเมือง

"ปชน." ยอมถอย แก้รัฐธรรมนูญรายมาตราปมจริยธรรมนักการเมือง หวั่นพรรคอื่นใช้เป็นเหตุผลไม่หนุนแก้รายมาตรา​อื่น​ "ไอติม" ย้ำ ยังเดินหน้าแก้ประเด็นอื่น เสนอ 7 แพ็กเกจแก้กฎหมาย คู่ขนาน​กับแก้ รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ

ที่อาคารรัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส. บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน แถลงข่าวถึงการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ว่า เส้นทางการจัดทำรัฐธรรมนูญมี2เส้น เส้นแรกคือจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับโดย สสร. และเส้นทางที่2ที่ต้องทำคู่ขนาน คือการแก้รายมาตรา เพราะเห็นว่ากระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องใช้เวลานาน และอาจจะไม่แล้วเสร็จทันตามที่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ หรือแล้วเสร็จก่อนการเลือกตั้งครั้งถัดไป

พรรคประชาชน จำเป็นต้องแก้รายมาตราในหลายเรื่อง โดยแบ่งเป็น7แพ็คเกจ คือ1.ลบล้างผลพวงรัฐประหาร ยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีและแผนการปฏิรูปประเทศ ของคสช.ที่เห็นว่าขาดความชอบธรรมในประชาธิปไตย เสี่ยงถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง และทลายเกราะคุ้มกันคำสั่ง ประกาศของคสช.มาตรา279 เติมพลังด้านการทำรัฐประหาร เพิ่มความรับผิดชอบทุกสถาบันทางการเมืองเพื่อไม่ก่อให้เกิดการทำรัฐประหาร

2.การตีกรอบอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ มี2ประเด็น คือ ยุติการผูกขาด อำนาจเรื่องมาตรฐานจริยธรรมไว้กับศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ ที่เป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม เพิ่มความเสี่ยงใช้อำนาจตามอำเภอใจ และเพิ่มความเสี่ยงในการใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้ง ดังนั้น องค์กรต่างๆ ควรจะมีระเบียบการตรวจสอบเรื่องจริยธรรมของตนเอง เพื่อยุติการผูกขาดอำนาจ และปลดล็อคพรรคการเมืองให้ยึดโยงกับประชาชน ซึ่งเป็นการแก้ไขในพร.ป.พรรคการเมือง

"ตัวอย่างที่สำคัญคือกรณีการตั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งตอกย้ำว่าสังคมมองว่าอาจมีการบังคับใช้มาตรฐานจริยธรรมอย่างไม่เป็นธรรม เช่น กรณีอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่งที่วันนี้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรไม่กล้าแต่งตั้งเพราะกลัวขัดจริยธรรม แต่รัฐมนตรีคนเดียวกันนี้ อดีตนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชากลับแต่งตั้งได้โดยไม่ลังเลและไม่นำไปสู่ปัญหาใดๆ"นายพริษฐ์กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า 3.เพิ่มกลไกการตรวจสอบการทุจริต ป้องกันการฮั้วกันระหว่างรัฐบาลกับป.ป.ช., เพิ่มอำนาจประชาชนโดยตรงในการร้องเรียนนักการเมือง ,เพิ่มมาตราเข้าไป เพื่อให้ประชาชนรวบรวมชื่อ 20,000รายชื่อ เพื่อเป็นเรื่องด่วนให้ป.ป.ช.พิจารณาภายใน180 วัน ,เปิดเผยข้อมูลรัฐ และคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส

4.คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ขยายสิทธิเรียนฟรี 15 ปี , ยกระดับสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อม ,ยกระดับคุ้มครองความเสมอภาคทางเพศ บุคคลทุกคนไม่ว่าเพศใดมีสิทธิเท่าเทียมกัน ,สิทธิ์ในการกระบวนการยุติธรรมเสรีภาพในการแสดงออก และเงื่อนไขจำกัดสิทธิเสรีภาพ

5. การปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหารในยามปกติและมีได้เฉพาะมีความเสี่ยงภัยสงคราม , กำหนดขอบเขตอำนาจศาลทหาร

6. ยกระดับประสิทธิภาพของรัฐสภา ยกระดับกลไกกำหนดการมีอำนาจออกคำสั่งเรียก เพื่อขอเอกสารและบุคคลภายนอกเข้ามาชี้แจง , ปรับนิยามฝ่ายค้าน ที่ประธานสภาฯ หรือรองประธานสภาฯ จะมาจากพรรคการเมืองฝ่ายค้าน , เพิ่มอำนาจสภาในการพิจารณาร่างการเงิน

7.ปรับเกณฑ์เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ กำหนดให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญกระทำได้หากได้รับเสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา และ 2 ใน 3 ของสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากเสียง 1 ใน 3 ของวุฒิสภาเป็นเงื่อนไขเฉพาะ รวมถึงกำหนดให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องมีการทำประชามติก็ต่อเมื่อเป็นการแก้ไขเกี่ยวกับเกณฑ์เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการแก้ไขเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เท่านั้น

นายพริษฐ์ ยังกล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องมาตรฐานจริยธรรม ที่มีข้อถกเถียงกันอยู่ขนาดนี้ หลายพรรคก็ยอมรับอย่างตรงกันว่าเป็นปัญหา ขอทางพรรคเพื่อไทยเราก็เคยเห็น ส่วนที่ประธานวิปรัฐบาล เข้ามาเพื่อประกบกับพรรคประชาชนเท่านั้น เพราะเป็นเรื่องปกติที่รัฐบาลต้องเสนอร่างประกบกับพรรคฝ่ายค้านที่ได้มีการเสนอเข้าไปก่อน แต่เรื่องนี้ตนมองว่สไม่ได้เป็นตามข้อเท็จจริงเพราะมีกฎหมายรายฉบับที่เสนอเข้าไปแต่รัฐบาลก็ไม่เห็นจะเสนอเข้ามาประกบเลย ดังนั้นยืนยันว่าที่พรรคเพื่อไทยออกมาพูดเรื่องมาตรฐานจริยธรรม ไม่ใช่เพียงเพราะออกมาประกบร่างของพรรคประชาชนแต่เพราะพรรคเพื่อไทยเคยพูดบอกมาแล้วว่าเรื่องนี้มีปัญหาจริงๆ ทั้งนี้ยังมีบางพักบางคนก็มีการพูดถึงปัญหาเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เรื่องนี้ไม่ใช่แค่พรรคประชาชนที่เอ็งเห็นปัญหา แต่เมื่อวันนี้มีความชัดเจนระดับหนึ่งว่า พักกันวันอื่นๆตัดสินใจว่ายังไม่พร้อมจะหันหน้าเข้ามาพูดคุยกัน และเดือนหน้าหาทางออกต่อปัญหาดังกล่าว เมื่อเป็นเช่นนี้ทางพรรคประชาชนจึงมองว่า พรรคประชาชนยังจำเป็นที่จะต้องอธิบายแถลงข่าวสื่อสารกับประชาชนและสังคมว่าทำไมถึงยังมีความจำเป็น ที่จะต้องยุติการผูกขาดอำนาจเรื่องมาตรฐานจริยธรรม ไว้กับศาลรัฐธรรมนูญในองค์กรอิสระ ยืนยันว่าเป็นการเสนอเพื่อปรับปรุงระบบการเมืองดีขึ้น ไม่ได้เสนอเพื่อนผลประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ก็ไม่อยากให้เรื่องดังกล่าวเป็นเงื่อนไขหรือข้ออ้างที่ทำให้พรรคการเมืองอื่นไม่เดินหน้าในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ในอีกหลายประเด็น

ดังนั้นเพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตราเดินหน้าต่อ พรรคประชาชน จึงขอพักการผลักดันร่างรัฐธรรมนูญเรื่องมาตรฐานจริยธรรมไว้ก่อน จนกว่าจะทำงานเชิงความคิดกับพรรคร่วมรัฐบาล ได้มากขึ้นแต่ยืนยันว่าจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ และแก้มาตราในประเด็นอื่นๆ และหวังว่าพรรคอื่นๆจะไม่นำการแก้ไขรายมาตราในเรื่องจริยธรรมมาเป็นข้ออ้าง เอามาเป็นเงื่อนไขที่จะไม่มองเห็นความจำเป็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราอีกหลายประเด็น ที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราควบคู่ไปกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 

"ยิ่งวันนี้ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีความเสี่ยงว่าจะเสร็จไม่ทันเลือกตั้งครั้งถัดไปพรรคการเมืองทุกพรรคควรเห็นความจำเป็นมากขึ้นในการร่วมมือกันเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เพื่อให้เรามีรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมในช่วงเปลี่ยนผ่าน จากวันนี้ถึงวันที่เรามีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เรามีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยมากขึ้นและระบบการเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้น นี่คือจุดยืนของพรรคประชาชน" นายพริษฐ์กล่าว

นายพริษฐ์​ กล่าวอีกว่า​ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่หากไม่ทันการเลือกตั้งครั้งต่อไป​ทุกพรรคการเมืองควรเห็นความจำเป็นในการร่วมมือ ในการแก้ไขรายมาตรา  ก่อนจะมีฉบับใหม่ที่ชอบธรรมเพื่อทำให้ระบบการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น​และ7 แพ็กเกจ​ไม่จำเป็นต้องทำประชามติทุกเรื่อว ยืนยันว่าไม่มีแพ็คเกจไหน ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในสังคมไทย​และจากนี้ไปต้องพูดคุย​ทำความเข้าใจ

นายพริษฐ์​ ยังอยากให้รัฐบาลชี้แจงโรดแมป ให้ชัดว่าการเดินหน้าจัดทำประชามติ 3 ครั้ง วางกรอบเวลาไว้อย่างไร
ส่วนถ้าแก้ไม่ทันกับเลือกตั้งครั้งหน้าจะเกิดปัญหาอย่างไร นั้น​นายพริษฐ์​ ยืนยัน​ว่า​ การแก้ไขรายมาตราอาจจะไม่สามารถแก้ได้ทุกแพ็คเกจ เพราะเป็นเรื่องยาก​ คงต้องรอทำฉบับใหม่แต่ระหว่างทาง หากทำอะไรได้ ก็ควรทำ

ทั้งนี้ ถ้ารัฐบาลไม่สามารถ แก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามนโยบาย ได้จะต้องรับผิดชอบอย่างไร นายพริษฐ์​ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ประชาชนจะตัดสิน ไม่ใช่เพียงแค่รัฐธรรมนูญ รวมทุกๆเรื่องที่รัฐบาล​ประกาศไว้สัญญาไว้ ตามนโยบายที่ถือเป็นสัญญาประชาคมถ้ารัฐบาลไม่สามารถรักษาสัญญาได้ ประชาชน ก็จะสะท้อนผ่านการเลือกตั้งครั้งหน้า