นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภา ในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า โดยยืนยันว่า รัฐบาลมีเจตนาแน่วแน่ จะเร่งรัดจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งรัฐบาลทราบดีว่า ต้องแก้กฎหมายประชามติ ซึ่งผ่านสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา ซึ่งหากวุฒิสภา พิจารณาแล้วเสร็จ ก็จะสามารถประกาศใช้ได้ และเมื่อมีกฎหมายประชามติแล้ว รัฐบาลก็จะเริ่มดำเนินการสอบถามประชาชนว่า สมควรให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งเป็นการเริ่มนับหนึ่ง นโยบายรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ตามนโยบายรัฐบาลที่ประกาศ ดังนั้น รัฐบาล ยินดีเร่งรัดจัดทำเพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญบับใหม่ให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจะมีการแก้รัฐธรรมนูญรายประเด็น พร้อมกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับควบคู่กันไป เพื่อทำให้บ้านเมืองมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นด้วย
นายชูศักดิ์ ยังเห็นว่า การเดินหน้านโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อจากนี้รัฐสภา ต้องทำความเข้าใจร่วมกัน และร่วมกันผลักดัน เพื่อให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย ซึ่งทราบดีว่า ที่มาที่ไปของรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ที่เรียกกันว่า รัฐธรรมนูญปราบโกง มีบทบัญญัติหลายมตราที่เป็นปัญหา สามารถตีความเกินเลยไปจากปกติที่ควรรจะเป็น โดยเฉพาะมาตรา 160 ที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานจริยธรรม ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย
ส่วนกรณีที่นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งข้อสังเกตคำแถลงนโยบายของรัฐบาล และเปรียบเทียบการแถลงนโยบายของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีรายละเอียดชัดเจนกว่านั้น นายชูศักดิ์ อธิบายว่า ตนเองมีส่วนร่วมในการจัดทำคำแถลงนโยบายครั้งนั้น ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ 2550 มีบทบัญญัติระบุชัดเจนว่า รัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภา ต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่า จะทำอะไร อย่างไร เมื่อใด ดังนั้นการทำนโยบายขณะนั้น จึงมีความชัดเจนกว่า แต่รัฐธรรมนูญ 2560 นั้น บทบัญญัติที่กล่าวมานั้นได้ยกเลิกไปแล้ว ระบุเพียงว่า การจัดทำนโยบายตามรัฐธรรมนูญ ต้องแถลงแหล่งที่มาของเงินรายได้ และเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ ดังนั้น ยืนยันว่า การแถลงนโยบายของรัฐบาลนี้ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560