svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ชวน" ไม่เห็นด้วย "ปชป."ร่วมรัฐบาล ชี้ ส่งผลต่อฐานเสียงภาคใต้

"ชวน" ไม่เห็นด้วย "ปชป."ร่วมรัฐบาล ยันจุดยืนไม่ทรยศประชาชน ชี้ ส่งผลต่อฐานเสียงภาคใต้ แต่เชื่อ ยังไม่สูญพันธุ์ เหน็บ คนบางกลุ่มเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์

28 สิงหาคม  2567   ที่อาคารรัฐสภา นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังพรรคเพื่อไทยส่งหนังสือเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลว่า พรุ่งนี้มีการนัดประชุมกรรมการบริหารพรรคและสส.พรรค เวลา 19.30น. ซึ่งส่วนตัวขอยืนยันในจุดยืนเดิมไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มีตั้งแต่วันแรกที่การตั้งรัฐบาลชุด ของนายเศรษฐา ทวีสิน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะไม่สามารถทรยศประชาชนได้

 

"ผมเป็นคนขอร้องประชาชนไม่ให้เลือกพรรคไทยรักไทย พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เพราะความขัดแย้งส่วนตัว แต่เป็นเพราะพรรคเหล่านั้น ประกาศชัดเจนที่จะพัฒนาจังหวัดที่เลือกเขาก่อน ส่วนจังหวัดอื่นไว้ที่หลัง ซึ่งวิธีเหล่านี้เราไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมา 90 ปี ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหน ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง หรือมาจากการยึดอำนาจ"

 

ยิ่ง"พรรคประชาธิปัตย์"เป็นรัฐบาลจะให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคอย่างยุติธรรมโดยไม่สนใจว่าใครจะเลือกใครเป็นรัฐบาล แต่จัดการบ้านเมืองด้วยความเป็นธรรม แต่ต้องยอมรับว่าเรื่องการเลือกปฏิบัติ ตนต่อสู้มาเพียงลำพัง ด้วยการขอว่าอย่าเลือกเขานะ ไม่ได้ไปกลั่นแกล้งหรือทำร้ายอย่างที่นายราเมศ รัตนะเชวง เคยถูกกระทำ ทำให้เขาได้รับเลือกน้อยมาก

 

ไม่มีสส.ภาคใต้แม้แต่คนเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากที่รณรงค์ แล้ววันหนึ่งจะมาบอกให้สนับสนุนพรรคที่ตนเองบอกว่าอย่าเลือก มันชัดเจนว่าไม่เป็นการทรยศชาวบ้าน ทำไม่ได้ จึงขอยืนยันว่าแม้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีแต่จุดยืนยังเหมือนเดิม

 

ส่วนในวันพรุ่งนี้หากมติของ"พรรคประชาธิปัตย์"เห็นด้วยในการร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย "นายชวน" กล่าวว่า คงไม่ใช่การเห็นด้วย เพราะมีการติดต่อกันแล้ว

 


"ที่มาถามว่าเขามาเชิญ ความจริง ผมคิดว่าคนของเราไปติดต่อเขาก่อนเขาเชิญ หรือสงสัยว่าไปขอให้เขามาเชิญด้วยซ้ำ แต่ตามมารยาทก็มาเชิญด้วยวิธีนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก"

 

เพราะก่อนหน้าจะมีหนังสือเชิญคนของเราบางคนก็ไปประสานติดต่อ จึงถูกสื่อมวลชนเรียกว่าพรรคอีแอบ พรรครอเสียบ จึงอยากขออย่าเรียกพรรคประชาธิปัตย์แบบนี้ เพราะเป็นพฤติกรรมของคนส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ การเลือกแบบนี้ทำให้พรรคเสื่อมเสีย อยากปกป้องเกียรติภูมิของพรรค เราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้คนใดคนหนึ่งได้เป็นนายกอยู่สัก 1- 2 สมัยแล้วล้มไป แต่พรรคประชาธิปัตย์อยู่มาเกือบ 80 ปี ปฏิบัติตามอุดมการณ์ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นหลักประชาธิปไตยมาอย่างยาวนาน ไม่อยากให้เสื่อมเสียด้วยการกระทำของกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบัน" นายชวน กล่าว

 

นายชวน ยอมรับว่า  ตนเองเป็นเสียงข้างน้อยในพรรคประชาธิปัตย์ ชัดเจนตั้งแต่ มีการลงมติเลือกนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ตนเองได้หารือกับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ และนายสรรเพชญ บุญญามณี  ว่าอย่างน้อย 4 คน  จะยังคงยืนยันในจุดยืนเดิม แต่ไม่ว่า มติของพรรคเป็นอย่างไรพร้อมจะเคารพ เพียงแต่ไม่เห็นด้วยที่จะร่วมกับพรรคการเมืองที่เคยกลั่นแกล้งประชาชน และเชื่อว่าการตัดสินใจร่วมรัฐบาลในครั้งนี้จะส่งผลต่อฐานเสียงภาคใต้ไม่น้อย

 

ส่วนที่หลายคนมองว่าพรรคประชาธิปัตย์อาจสูญพันธุ์นั้น มองว่า ความดีของพรรคยังมีอยู่ ผลงานก็มี แต่คนไม่ค่อยพูดถึง แต่คนที่รู้เขาจะยังระลึกถึง แต่คงต้องใช้เวลาในการพัฒนาพรรคให้กลับมาน่าเชื่อถือเหมือนเดิม

 

"ในสมัยก่อนไม่เคยคิดว่าจะต้องร่วมรัฐบาลทุกครั้ง ไม่จำเป็นต้องไปเหมาไปซื้อพรรคเพื่อเป็นเสียงข้างมากเหมือนอย่างในสมัยของนายทักษิณ ชินวัตร ทำ แต่เข้าใจว่านักการเมืองรุ่นหลังไม่คิดที่จะเติบโต คิดเพียงว่าจะเป็นรัฐมนตรีสัก 2-3 คน ก็พอแล้ว แต่พรรคประชาธิปัตย์ดั้งเดิมเขาไม่คิดอย่างนี้คิดแต่จะสร้างพรรคให้ใหญ่ เพื่อแกนนำเป็นรัฐบาล"

 

"อย่างไรก็ตาม"พรรคประชาธิปัตย์" เป็นส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของบ้านเมือง ที่ควรจะทำ บทบาทตัวเองให้มีเกียรติมีศักดิ์ศรีและมีประโยชน์ต่อบ้านเมือง การเป็นรัฐบาลก็ดีได้พัฒนาประเทศ แต่ถ้าถึงขนาดเสียศักดิ์ศรีไปเป็นรัฐบาล การเป็นฝ่ายค้านก็ไม่เสียหาย" นายชวน กล่าว 

 

ส่วนที่คนรุ่นใหม่มองว่าหมดยุคของลุงชวนแล้ว นายชวน กล่าวว่า  ไม่มีกำหนดอายุ มีคนคิดเหมือนกันว่าตนเป็นขวากหนามของเขา ทำให้ไปร่วมรัฐบาลไม่ได้ จึงพยายามพูดว่าหมดยุคของผู้อาวุโส แต่ในความจริงแล้ว เป็นผู้สร้างมากกว่าผู้ทำลาย และคนที่พูดเหล่านั้นอาศัยบารมีพรรค ที่พวกตนทำเอาไว้ แต่คนเหล่านั้นยังไม่เคยทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับพรรคเลย เพียงแต่อาศัยชื่อพรรคเพื่อเข้ามาเป็นนักการเมือง

 

"ผมก็เคยได้ยินเรื่องนี้แต่ไม่ได้โกรธ แม้กระทั่ง เรื่องที่ จะขับพ้นออกจากพรรค ก็มาดูว่าใครเป็นคนพูดพอทราบก็เข้าใจเพราะเขาเพิ่งเข้าพรรคมาอาศัยบารมีของพรรคที่คนรุ่นก่อนเขาสะสมสร้างมา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 10 ซึ่งยังไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้พรรคเท่ากับรุ่นก่อน ดังนั้น ใครที่คิดจะปลดต้องดูกฎหมายไม่ได้กำหนดอายุ ผมยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ ผมกลายเป็นคนหัวคัดค้าน ทั้งที่มีหลายคนไม่เห็นด้วยแต่เขาไม่อยากเปลืองตัว เป็นการกระทำของคนบางกลุ่ม ทำให้คนทั่วไปยังเข้าใจว่า ประชาธิปัตย์โดยทั่วไปยังพอใช้ได้อยู่ เพียงแต่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่เข้ามา ใช้ตำแหน่งในพรรคเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งคนกลุ่มนั้นไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับผม จนพยายามจะบอกว่าขัดแย้งมาแล้ว 20 ปี จึงอยากถามว่าขัดแย้งเรื่องอะไร ไม่ได้ทะเลาะเพื่อประโยชน์ส่วนตัวกัน แต่เป็นเรื่องของประชาชน"นายชวน กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม "นายชวน" ไม่สามารถยืนยันได้ว่า จะลงเลือกตั้งครั้งหน้าอีกหรือไม่