จากข่าว “อดีต สส.วัน อยู่บำรุง” ต่อเนื่องถึงการปล่อยเพลง “ลุงป้อมขอทำต่อ” กระทั่งล่าสุดกับข่าวร้าวภายในพลังประชารัฐ ล้วนมีตัวละครหลักมาจาก “คนคนเดียวกัน” นั่นคือ “สามารถ เจนชัยจิตวนิช”
ทำให้หลายคนสงสัยว่า นายสามารถ ซึ่งวันนี้อาจต้องเรียกว่า “เสี่ยสามารถ” เป็นใครมาจากไหน
สำหรับนักข่าวสายอาชญากรรม และคนที่เคยเป็นเหยื่อในยุคแชร์ลูกโซ่เฟื่องฟู คงต้องเคยรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อ "สามารถ เจนชัยจิตวนิช" เพราะเขาเป็นประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย ทำงานช่วยเหลือเหยื่อแชร์ลูกโซ่อย่างต่อเนื่องหลายปี และมีองค์ความรู้เรื่องนี้ดีมากคนหนึ่ง
นายสามารถ ถือว่าโด่งดังมากในบทบาทนี้ ช่วงราวๆ ปี 2558-2560 ซึ่งเป็นช่วงที่แชร์ลูกโซ่ระบาดหนัก ก่อนถึงยุค “คอลเซ็นเตอร์”
นายสามารถ มีชื่อเล่นว่า “จ๊อบ” เครือข่ายเหยื่อแชร์ลูกโซ่จะเรียกกันติดปากว่า “พี่จ๊อบ” จากบทบาทอันโดดเด่น ทำให้เริ่มขยายปริมณฑลของตนเองเข้าไปในหน่วยงานรัฐ เช่น ปปง. ดีเอสไอ ซึ่งต้องทำงานเชื่อมต่อกันเกี่ยวกับการปราบปรามแชร์ลูกโซ่ และภายหลังก็ลุกลามเข้าไปถึงสภา
นายสามารถ เคยมีแนวคิดเสนอแก้ไขกฎหมายตามยึดทรัพย์คืนลูกแชร์ หรือเหยื่อแชร์ลูกโซ่ โดยไม่ต้องรอให้คดีจบ เพื่อบรรเทาความเสียหายของเหยื่อ และผลักดันให้แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ ให้เป็น “วาระแห่งชาต” ซึ่งก็ถือว่าได้ใจเหยื่อแชร์ลูกโซ่อย่างมาก
“จ๊อบ สามารถ” สัมผัสการเมืองช่วงแรกๆ ทำงานกับ “กลุ่มสามมิตร” เป็นผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์ของกลุ่ม และขยับไปเป็นกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งในการเลือกตั้งปี 62 กลุ่มสามมิตรทั้ง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ยังอยู่พลังประชารัฐ และรับผิดชอบพื้นที่ภาคอีสาน กับเหนือตอนล่าง
"สามารถ" จะทำงานใกล้ชิดกับสายนายสมศักดิ์มากกว่า หลังเลือกตั้ง เมื่อพรรคพลังประชารัฐได้จัดตั้งรัฐบาล นายสมศักดิ์ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จึงแต่งตั้ง คุณสามารถ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
ขณะที่เส้นทางชีวิตกำลังรุ่งโรจน์ กลับปรากฏข่าวร้าย เมื่อสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งออกมาตรวจสอบสถานของนักศึกษาปริญญาเอก หลักสูตรภาษาอังกฤษ หลังจากพบว่าไม่ได้เข้าเรียนด้วยตัวเอง แต่ส่งบุคคลอื่นไปนั่งเรียนแทน ทำให้ถูกตัดสิทธิ์นักศึกษา และทางมหาวิทยาลัยแจ้งมาที่พรรค จนเป็นข่าวโด่งดัง และมีการปลดคุณสามารถ ออกจากทุกตำแหน่งตามมา
แต่ภายหลัง "จ๊อบ สามารถ" ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ โดยปฏิเสธทุกประเด็น รวมถึงเรื่องที่ถูกตัดสิทธิ์การเป็นนักศึกษาด้วย แต่ชื่อเสียงที่เสียหายไปก็ไม่ได้คืนกลับมา และชื่อของนายสามารถก็เงียบหายไประยะหนึ่ง กระทั่งมาโด่งดังอีกครั้งกับบทบาทใหม่ในพรรคพลังประชารัฐ
คนวงในที่เข้า-ออกบ้านป่ารอยต่อฯ บอกกับ "เนชั่นทีวี" ว่า สถานะปัจจุบันของคุณสามารถ ต้องบอกว่า “ไม่ธรรมดา” แต่เป็น “คนสนิท” ระดับ “สายตรงลุงป้อม” แม้ช่วงแรกๆ บรรดา ทส. หรือ นายทหารคนสนิทของลุงป้อม จะไม่ค่อยถูกโฉลกคุณจ๊อบมากนัก แต่นาทีนี้ สายข่าวทุกแหล่งยืนยันตรงกันว่า “ลุงเชื่อจ๊อบมาก”
โดยเฉพาะการเดินเกมการเมืองดึง “คนใหม่ๆ” เข้าพรรค และเคลื่อนไหวโดยไม่ผ่านกรรมการบริหารสายเลขาธิการพรรคที่ชื่อ ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งถูกมองว่า “เอาใจออกห่างลุง”
มีคนชี้ชวนให้จับสังเกตว่า การที่วันนี้ “จ๊อบ สามารถ” กล้าสวนผู้กองธรรมนัส ย่อมการันตีสถานะของเจัาตัวว่า “ปึ้กแค่ไหน” กับ “ลุงป้อม”
วงวิเคราะห์การเมืองที่บ้านในป่า ประเมินในทิศทางที่ว่า โอกาสของ “ลุง” ยังเปิดกว้างที่จะเป็นนายกฯได้ ทำให้เกิดปฏิบัติการ “ดึง-ดูด” สส.จากพรรคต่างๆ ทั้งก้าวไกล ประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ไปรวมกันที่ห้องประชุมบ้านในป่าฯอยู่บ่อยครั้ง
จุดเปลี่ยนเกมคือ คดี "นายกเศรษฐา" หากหลุดเก้าอี้ “ลุง”ย่อมมีสิทธิ์ เพราะมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯหนึ่งเดียวของพลังประชารัฐ พรรคอันดับ 3 ของรัฐบาล
ไม่ใช่แค่เกมการเมืองที่ "สามารถ" อ่านออก และ “ลุงมองอย่างทะลุปรุโปร่ง” เพราะตัวเลขเป็น “วิทยาศาสตร์”แต่เรื่องทาง “โหราศาสตร์” ก็มีการอัญเชิญระดับปรมาจารย์ไปยืนยันเช่นกันว่า “ประเทศมีเกณฑ์ดวงเปลี่ยนนายกฯ” ส่วนจะเป็นลุง หรือเป็นใคร และเปลี่ยนช่วงไหน ต้องถามใจลุงดู