ที่อาคารรัฐสภา นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดินทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวถึงปัญหาการจัดสรรที่ดินทำกิน บริเวณอุทยานแห่งชาติทับลาน ว่า กรรมาธิการได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและปัญหาที่ดิน ในนามของกรรมาธิการจะรับเรื่องนี้ไว้เพื่อที่จะดำเนินการพิจารณา โดยมีการตั้งเป้าหมายไว้ว่าในวันที่ 17 กรกฎาคม โดยมีการขออนุมัติจากที่ประชุมกรรมการไว้เรียบร้อยแล้วว่า จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเรื่องกรณีไปที่ดินทับลานเข้ามาชี้แจง เพื่อให้ข้อมูลกับทางกรรมาธิการ เนื่องจากประชาชนให้ความสนใจและมีข้อกังขาในการให้ความเท็จจริงจึงอาศัยกลไกของฝ่ายนิติบัญญัติ เข้ามาตรวจสอบ และหากข้อสรุปและแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่อไป และหวังว่าในวันที่ 17 กรกฎาคมจะได้ข้อมูลข้อเท็จจริงเพื่อที่จะเปิดเผยข้อมูลต่อหรือได้ข้อสรุปถึงแนวทางแก้ไขให้กับฝ่ายบริหาร ถ้าหากมีกรณีที่เกี่ยวข้องกับมติครม. ที่เคยมีการประกาศไป
ขณะที่ นายเลาฟั้ง บัณทิตเทอดสกุล สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขานุการ กมธ. กล่าวเสริมว่า กรณีนี้ มีทั้งฝ่ายที่คัดค้าน และประชาชนที่ได้ประโยชน์จากการปรับปรุงเส้นแนวเขตนี้ กมธ. จึงจะรับมาก็จะพิจารณาด้วยความระมัดระวัง เพื่อให้เกิดประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย คือในแง่ของการปกป้องคุ้มครองทรัพยากรไม่ให้ถูกทำลาย และการคุ้มครองสิทธิ์ของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งเรื่องนี้ก็ตรงกันกับทางข้อเรียกร้องของทางภาคประชาชนที่เห็นว่าจะต้องไม่เหมาเข่ง
โดยจะต้องมีการสแกน ในส่วนที่เป็นชาวบ้านที่อยู่มาก่อน ซึ่งเขาควรได้รับการคุ้มครองสิทธิ์ ตามกฎหมายที่มีอยู่
ส่วนการคุ้มครองพื้นที่มีการบุกรุก ก็จำเป็นต้องมีการตรวจสอบเช่นเดียวกัน ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มเหมือน คือกลุ่มนายทุนที่ครอบครองโดยมิชอบ ซึ่งรวมไปถึงการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ กลุ่มนี้ก็จะต้องมีการตรวจสอบ การออกเอกสารสิทธิ์ หรือสิทธิการครอบครอง ที่แม้อาจจะมีการเปลี่ยนมือ แต่ก็จะต้องเป็นการใช้เพื่อการเกษตร หาถือครองผิดเงื่อนไข จะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายยึดคืนมาเป็นของรัฐ อีกส่วนหนึ่งที่ละเลยไม่ได้คือ การมีข้าราชการที่รู้เห็นเป็นใจในการออกเอกสารสิทธิ์ให้แก่กลุ่มนายทุนโดยไม่ชอบ ก็จำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบด้วยเช่นเดียวกัน
พร้อมย้ำว่า หากไม่ทำเช่นนี้ จะสาวไม่ถึงต้นตอของปัญหา แล้วผลกระทบก็จะตกมาถึงประชาชน เรื่องนี้มีทั้งสองด้าน เพราะฉะนั้น กมธ.จะรับมาพิจารณาด้วยความรอบคอบ นำข้อมูลจากทุกฝ่ายมารับฟัง เพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
นายภานุเดช เกิดมะลิ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวว่า คทช. มีการบริหารจัดการพื้นที่ใหม่ มีการเพิกถอนเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ออกไป 265, 000 ไร่ ซึ่งมีข้อกังวลว่ากลไกในการแก้ไขปัญหาดำเนินการโดยคณะกรรมการอุทยาน ซึ่งมีกฎหมายอย่างชัดเจนแต่ในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมา กลับมีความพยายาม ให้สคทช.เป็นผู้ดำเนินการ ใช้กลไกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2566 ในการเพิกถอนพื้นที่ จึงอยากให้กรรมาธิการช่วยตรวจสอบ ขณะเดียวกันพบว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีประชากรที่มีความหลากหลายทางปัญหา ไม่ควรนำรวมเหมาเข่ง ใช้วิธีการเพิกถอนในลักษณะเดียวกัน พร้อมกับย้ำว่า ไม่อยากให้เป็นกรณีตัวอย่างไปใช้ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์อื่น จึงอยากให้มีการตรวจสอบเพื่อเป็นแนวทางต่อไป
ขณะที่นายพสิษฐ์ เอี่ยวพานิชย์ นายกสมาคมอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า การยื่นหนังสือคัดค้านไม่เห็นด้วยปรับปรุงแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน เนื่องจากการสำรวจในปี 2543 ใน 3 กลุ่มใหญ่ มีการสำรวจรังวัดและเยียวยาด้วยมาตรา 64 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากมีการออกโฉนดให้อาจจะขายที่ดินให้กับกลุ่มนายทุนและบุกรุกพื้นที่ป่าไปเรื่อยๆ รวมถึงต้องพิสูจน์สิทธิ์ ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ยาก พร้อมย้ำว่าขออย่าเหมาเข่ง ปัจจุบันไทยมีพื้นทีีป่าอนุรักษ์อยู่ 101 ล้านไร่ หากเราต้องเสียที่ดินปีละ 300,000 ไร่ เราอยู่ไม่ได้ และอุทยานแห่งชาติทับลานถือเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลก มีการเพิกถอนจะถูกตีแผ่ขยายไปทั่วโลก และส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว
ขณะที่ตัวแทนเครือข่ายพันธมิตรสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ขอให้มีการตรวจสอบสิทธิ์ที่ดินทำกินในพื้นที่ตรงตามกับวัตถุประสงค์หรือไม่ สามารถดำเนินการให้มีการใช้พื้นที่อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการบุกรุกพื้นที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงต้องไม่มีการแทรกแซงจากกลุ่มทุน