จากกรณีมีกระแสข่าวว่า ทีมทนายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหา ที่อัยการสูงสุด (อสส.) มีคำสั่งฟ้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมฉบับที่ 2 มาให้ทางอัยการอีก ทั้งที่มีคำสั่งฟ้องไปแล้วนั้น
11 มิถุนายน 2567 นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการประจำจังหวัดสำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามหลักการทั่วไป ประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม แม้จะถูกอัยการสั่งฟ้องแล้วก็ตาม ยังสามารถยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมมาได้อีก ไม่มีกฎหมายหรือระเบียบอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาฯ ข้อใดห้ามไว้ โดยจะขึ้นอยู่กับเนื้อหา และพนักงานอัยการจะเป็นผู้พิจารณา หากเป็นการยื่นพยานหลักฐานใหม่ที่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ว่าไม่ได้กระทำผิด พนักงานอัยการก็อาจจะพิจารณาชะลอการสั่งฟ้องออกไปแล้ว ทำการสอบสวนใหม่
แต่ถ้าหนังสือร้องขอความเป็นธรรม มีเนื้อหาแค่การปฏิเสธ ว่าไม่ได้กระทำผิด หรือให้พิจารณาหลักฐานพยานเก่าที่เคยสอบสวนมาแล้ว ยื่นเพื่อเป็นการประวิงเวลาคดี ทางพนักงานอัยการก็มีอำนาจสั่งยุติการยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมได้ และผู้ต้องหาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการสั่งฟ้องของศาลต่อไปตามกำหนด
นายนาเคนทร์ กล่าวว่า สำหรับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมฉบับล่าสุดของนายทักษิณนั้น นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด จะเป็นผู้พิจารณาและมีคำสั่งต่อไป