
14 พฤษภาคม 2567 ความคืบหน้ากรณี การเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร หรือ “บุ้ง ทะลุวัง” ผู้ต้องขังคดีทางการเมือง ด้วยอาการหัวใจหยุดเต้นฉับพลัน หลังอดอาหารต่อสู้มานานกว่า 108 วัน ซึ่งมีรายงานว่า บุ้ง ได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้แก่ "หยก ธนลภย์" อดีตนักกิจกรรมทางการเมือง น้องสาวคนสนิทของบุ้ง
ล่าสุด "หยก ธนลภย์" ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวหลังจากบุ้งเสียชีวิต ระบุว่า
“Respect มาก ๆ ที่ตั้งตรงอยู่ในหลักการ วันนี้ในปีที่แล้วเรายังไม่ได้เจอกันข้างนอกเลย...
เมื่อไหร่สังคมไทยจะก้าวไป เปิดรับสีที่หลากหลายได้จริง ๆ เสียที สังคมไทยมีแต่สีขาวกับสีดำ คุณได้มองดูตัวเองบ้างหรือยัง คุณไม่เคยก้าวพลาด ไม่เคยทำผิดเลยหรือ ก่อนที่คุณจะป้ายสีให้ใครดำมืด ช่วยกรุณาดูสิ่งที่ตัวเองพิมพ์เสียก่อน
ในตอนนี้ยังมีแพทย์รังสี มี rapper มีหัวหน้าครอบครัว มีสมาชิกครอบครัว พ่อ แม่ ลูก หลาน แต่เขาต้องจากเป็นจากไปอยู่ในนั้น ทั้งที่เขาควรได้อยู่ด้วยกันทำตามความฝันตัวเอง
ฝันของพวกเขาแต่ละคนแตกต่างกันไป แต่เขาก็มีฝัน มีแพลน ของตัวเอง
แต่ฝันร่วมกันของพวกเขาคือ อยากเห็นประเทศนี้ มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
ขอให้ประเทศไทยโชคดีในการลงคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน“
เพื่อนบุ้งทะลุวังยันสานต่อเจตนารมย์
ขณะที่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ครอบครัวของ บุ้ง ได้เดินทางมาที่สำนักงานนิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รวมถึงทนายความ และเพื่อนนักกิจกรรมทางการเมืองด้วย โดยนายกิตติธัช ศรีอำรุง และนางสาวณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือ ใบปอ เปิดเผยหลังได้เข้าพูดคุยกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบุ้ง โดย ใบปอ ยืนยันว่า บุ้ง ไม่ได้อยู่กับพวกเราแล้ว จากการที่อดอาหารมานานกว่า 100 วัน โดยถูกคุมขังในคดี ม.112 และศาลอาญากรุงเทพใต้ ไม่อนุญาตให้ประกันตัว ซึ่งแพทย์ยืนยันเวลาการเสียชีวิต 11.22 น.
“วันนี้เป็นที่ทราบกันในสังคมว่า 112 ได้พรากชีวิตพี่บุ้งไปเรียบร้อยแล้ว” ส่วนกำหนดการอื่น ๆ จะแจ้งให้ทราบในภายหลัง และตอนนี้ "ตะวัน ทานตะวัน ตัวตุลานนท์" นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ยังอดอาหารอยู่ในเรือนจำเช่นเดียวกับบุ้ง จึงไม่อยากให้ต้องมีใครเสียชีวิตเพราะคดี 112 อีก จึงอยากให้ช่วยกันส่งเสียงถึงผู้มีอำนาจว่า “วันนี้มีคนยอมแลกชีวิตด้วยการติดคุกเพราะ ม.112 จริง ๆ บุ้งพูดไว้ว่า เขาไม่ได้มาเล่น ๆ เขามาจริง และครั้งนี้เขาก็ต้องจากไปจริง ๆ”
ขณะที่ นายกิตติธัช กล่าวว่า ในนามตัวแทนของเพื่อนบุ้ง ยืนหยัดข้อเรียกร้อง 3 ข้อในการอดอาหาร จึงขอฝากถึงสังคมด้วยว่า ข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือ ประเทศไทยไม่ควรที่จะได้เป็นสมาชิกคณะมนตรีว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งไม่ได้บอกว่า ไม่ต้องเป็นเพราะตามกลไกของสหประชาชาติประเทศไทยได้เป็นแน่นอน แต่อยากแสดงให้เห็นว่าไม่ควรเป็น เพราะมองว่า การที่บุ้งไม่ได้รับการประกันตัวออกมาและต้องถูกกลับเข้าเรือนจำไปอีกครั้ง ด้วยเหตุผลที่อยู่นอกเหนือคดี ม.112 หรือคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ร้ฐและประชาชน รวมถึงการได้รับการดูแลในราชทัณฑ์ สะท้อนให้เห็นว่า เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนภายในประเทศไทย
2. ประเทศควรที่จะมีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ประเทศไทย นักโทษคดี 112 และนักโทษทางการเมือง ควรจะได้รับสิทธิการประกันตัว
3.ไม่ควรมีผู้เห็นต่างทางการเมืองจะต้องมาติดคุกอีก เนื่องจากที่ผ่านมา บุ้งมีความหวังและแรงจูงใจที่อยากจะปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมมาตั้งแต่เด็ก จากภูมิหลังทางครอบครัว ไม่ได้เพิ่งจะมาเกิดขึ้นในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้จึงไม่อยากให้สูญเปล่า และไม่อยากให้มีใครต้องมาติดคุกและถูกดำเนินคดีทางการเมืองอีก เพราะคดีทางการเมือง ไม่มีทั้งสิทธิประกันตัว และสิทธิในการพบทนายความ รวมถึงสิทธิในการเข้ารับการรักษาให้แพทย์เข้าไปช่วยเหลือได้ทันท่วงที ซึ่งนักโทษทางการเมืองจะมีความพิเศษมากกว่านักโทษทั่วไป ดังนั้นจึงยากเรียกร้องในจุดยืน3ข้อนี้ในสังคมไทย และอยากสานต่อเจตนารมย์ของบุ้ง ไม่อยากให้ข้อเรียกร้องนี้สูญเปล่า
ซึ่งเหตุผลที่จะต้องสานต่อเจตนารมย์ 3 ข้อ ก็เพราะมองว่า ตอนนี้ไม่ได้มีแค่บุ้ง ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว จึงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกัน เพราะยังมีคนที่อดอาหารในคดีทางการเมืองอยู่อีกมาก และเขื่อว่า หากยืนหยัดใน 3 ข้อเรียกร้องนี้ จะสามารถช่วยเหลือได้อีกหลายคน พร้อมยอมรับว่า มีความกังวลที่จะมีนักโทษทางการเมืองรายอื่น ๆ เกิดกรณีแบบเดียวกับบุ้ง
เมื่อสอบถมถึงกรณีของ "หยก" จะมาที่โรงพยาบาลด้วยหรือไม่ นายกิตติธัช ตอบเพียงว่า "ขอไม่ตอบ" ผู้สื่อข่าวจึงติดต่อผ่านโทรศัพท์ไปหา "หยก" เพื่อสอบถามว่า จะมาที่โรงพยาบาลด้วยหรือไม่ แต่หยกตอบกลับมาเพียงว่า "โทรมาทำไมคะ ไม่ได้ไปค่ะ" ก่อนวางสายไปทันที