svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ธนาธร" กับเหตุผลซื้อ "บ้านอองโตนี" ไปเพื่ออะไร

05 เมษายน 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" เฉลย! เหตุผลกับการตัดสินใจซื้อ "บ้านอองโตนี" อดีตบ้าน "ปรีดี พนมยงค์" ในฝรั่งเศส กับความหมายลึกๆ ต้องการทำไปเพื่ออะไร

กลายเป็นประเด็นให้ถูกตั้งข้อสังเกต หลัง "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ประธานคณะก้าวหน้า ตัดสินใจซื้อบ้านพักของ "ปรีดี พนมยงค์" อดีตนายกรัฐมนตรีไทย หรือ "บ้านอองโตนี" ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส 

โดยธนาธร เล่าผ่าน "NationSTORY" ถึงเหตุผลในการตัดสินใจซื้อบ้านหลังดังกล่าว พร้อมกับย้ำเสียงหนักแน่นว่า "ไม่มีเรื่องเกี่ยวข้องกับการเมือง" แต่เพราะอาจารย์ปรีดีเคยอยู่บ้านหลังนี้ และถ้าจำไม่ผิด อยู่มา 13 ปี ตั้งแต่ลี้ภัยจากเมืองจีนและไปเสียชีวิตที่บ้านนี้ ขายบ้านที่กรุงเทพฯ มาอยู่บ้านนี้

ธนาธร ยังเล่าต่อว่า ซึ่งบ้านหลังนี้รับแขกจากเมืองไทย คนไทยก็จะใช้บ้านอาจารย์ปรีดีแลกเปลี่ยนข่าวสารบ้านเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นราชนิกูล นักการเมือง อาจารย์ป๋วย อึ้งภากรณ์ ก็ต้องไปบ้านหลังนี้ ก็จะรับคนที่มีความสนใจปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองของประเทศไทย เป็นเรื่องคุยที่บ้านนั้นเป็นประจำ เป็นศูนย์กลางระหว่างคนไทยในยุโรปที่สนใจการบ้านการเมือง และสังคม พร้อมพูดติดตลกด้วยว่า "ถ้าคิดเทียบกับสมัยนี้ ก็คงเหมือนคนเดินทางไปดูไบ"

 

"พออาจารย์ปรีดีเสีย ครอบครัวพนมยงค์ก็ขายบ้าน โดยมีครอบครัวเวียดนามมาซื้อต่อ แต่มีการตกลงกับครอบครัวเวียดนามว่า ถ้าจะขายต่อ อย่างน้อยที่สุด ขอให้ขายกับคนไทยก่อน นี่คือข้อตกลงที่ครอบครัวคนเวียดนามที่มีกับครอบครัวพนมยงค์ ผมเองได้ยินเรื่องนี้มาเป็น 10 ปีแล้ว เพราะว่าคุณยาย ที่เป็นเจ้าของบ้านสูงอายุแล้ว คุณยายอยากขายบ้านมาตั้งนานแล้ว แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไร โดยผมไม่อยากได้ ไม่คิดว่าจะต้องเป็นคนเข้าไปซื้อเอง"

ธนาธร ยังเล่าด้วยว่า คนที่เร่ขายหรือเป็นนายหน้าให้ ก็มี อาจารย์จรัล ดิษฐาอภิชัย อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล ก็ไปคุยกับนายทุน ซึ่งมีคนพยายามจะหาคนไทยที่ตระหนักถึงความสำคัญของประวัติศาสตร์ เข้าไปซื้อบ้านหลังนี้ไว้ ซึ่งจริงๆ คนที่ควรเข้าไปซื้อที่สุด คือ รัฐบาลไทย

 

"แต่พอเข้าได้เข้าเข็ม สภาพคุณยายเจ้าของบ้านเริ่มแย่ ยังหาคนไทยซื้อไม่ได้ อาจารย์ปิยบุตร ก็เลยมาบอกว่าผมคนสุดท้ายแล้ว ถ้าผมไม่ซื้อ ก็ไม่มีใครซื้อแล้ว ก็เลยเริ่มคุยตั้งแต่ปีที่แล้ว กระบวนการใช้เวลาทำธุรกรรมเสร็จเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แล้วตั้งใจว่าจะใช้เวลา 1-2 เดือนนี้ ทำแผนให้เสร็จและแถลงต่อประชาชน ว่าจะเอาบ้านหลังนี้ไปทำอะไรบ้าง"


ธนาธร อธิบายถึงความนัยลึกๆ ต่อบ้านหลังนี้ เพราะการตระหนักรู้ทางด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ สำคัญไม่แพ้กับการเมืองในสภา นี่คือ "การต่อสู้ระหว่างการลบเลือนกับความทรงจำ"

 

พร้อมยังได้ยกตัวอย่างอนุสาวรีย์หลักสี่หายไปทั้งอนุสาวรีย์ หมุดคณะราษฎร์ก็หายไป พวกนี้คือการรีไรท์เขียนใหม่ เขาต้องการทำให้ประชาชนลืม หน้าที่ของพวกเรา คือทำให้ประชาชนจำ เพื่อตระหนักถึงความสำคัญ ในการต่อสู้ระหว่างการลบเลือนกับการปักหมุดให้เห็นคุณค่า ผมว่านั่นคือการตัดสินใจของผม ว่าทำไมถึงเข้าไปซื้อบ้านหลังนี้ แต่ก็ย้ำว่าการซื้อบ้าน คิดในเชิงการเมืองน้อยมาก จะคิดในเชิงว่าต้องการรักษาอะไรบางอย่างไว้มากกว่า 

"ถ้าคุณเศรษฐา อยากมาซื้อในนามรัฐบาลไทย ผมยินดีขายราคาทุน ผมไม่ได้มีความคิดที่จะกอด 2475 ไว้เป็นของส่วนตัว มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ผมอ่านหนังสือของครูบาอาจารย์ เราก็เติบโตจากการอ่านหนังสือ ดังนั้น ถ้าจะใช้คำว่ายึด 2475 มาเป็นของพวกเรา มันไม่ใช่ แต่กลับกันที่เราต้องมาทำ เพราะว่าในภาคการเมือง มันไม่มีคนพูดเรื่องนี้ อย่างมากที่สุด คือ วันที่ 11 พ.ค. ไปงานปรีดีที่ธรรมศาสตร์ ไปมอบดอกไม้ และต่างคนก็ต่างกลับ และผมย้ำอีกครั้ง ถ้ารัฐบาลไทยอยากมาซื้อ กำไรบาทเดียวก็ไม่เอา เพราะจริงๆ แล้ว ควรจะเป็นสมบัติของชาติ"

logoline