"ธนาธร" มองศาลยกฟ้องคดีโรดโชว์ตอกย้ำกระบวนที่ผ่านมาไม่ถูกต้อง

5 มีนาคม 2567 จากที่วานนี้ (4มี.ค.) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษายกฟ้องจำเลยทุกรายในคดีโรดโชว์ 239 ล้านบาท พร้อมถอนหมายจับ "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี โดยชี้ว่าไม่มีเจตนาเอื้อประโยชน์ ซึ่งประเด็นดังกล่าวมีการมองกันว่า อาจเป็นโมเดลให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางกลับบ้านเช่นเดียวกับ "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ

โดย "นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวว่า จุดยืนของตนต่อเรื่องนี้ หากเชื่อว่าคนทุกคนในประเทศเท่าเทียมกัน ก็ควรได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาค รวมถึงผู้เรียกร้องทางการเมืองที่ไม่ได้รับการประกันตัว



ทั้งนี้ ส่วนตัวเรียกร้องไปยังผู้มีอำนาจรัฐว่า การทำให้ประเทศสงบสุข ต้องมีความเป็นธรรม เสมอภาค บังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม และการทำรัฐประหารในปี 2549 , 2557 นั้นไม่ถูกต้อง รวมถึงกระบวนการเอาผิดนายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นกระบวนการที่ไม่ถูกต้อง จึงต้องมีการคืนความเป็นธรรมให้กับทั้งสองคน

อย่างไรก็ตาม หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินตามรอยนายทักษิณ เพื่อกลับประเทศนั้น ตนยังไม่รู้ว่า นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับประเทศมาได้ด้วยเหตุผลใด เพราะตนเองไม่มีข้อมูลเบื้องหน้าเบื้องหลังใด ๆ 

"ภูมิธรรม​" ยินดี "ยิ่งลักษณ์" ศาลยกฟ้อง

ขณะที่ "นายภูมิธรรม​ เวชยชัย"​ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์​ กล่าวว่า การที่ศาลมีมติเอกฉันท์ยกฟ้องในประเด็นดังกล่าวนั้น ส่วนตัวขอแสดงความยินดีกับอดีตนายกรัฐมนตรี เพราะผลของการตั้งใจจริงในการทำงาน ก็อดทนและสู้คดี และเรื่องนี้ก็สามารถพิสูจน์ได้เห็นว่า เรื่องนี้เป็นการทำนิทรรศการ เพื่อให้คนเข้าใจ และเผยแพร่นโยบายของรัฐบาล ในเรื่องอนาคต 2020 ฉะนั้น ก็จำเป็นจะต้องใช้สื่อต่าง ๆ ซึ่งตรงนี้มีกระบวนการจัดการที่ถูกต้อง แต่ขณะนี้ทุกๆอย่างก็ได้พิสูจน์ว่าเป็นความตั้งใจของฝ่ายนโยบายที่จะดำเนินการ

ทั้งนี้ มองว่าก็สามารถตรวจสอบได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา แต่ก็ต้องให้กำลังใจและให้โอกาสกับคนทำงานด้วย ไม่เช่นนั้น ถ้าทุกอย่างไม่กล้าทำอะไรเลย ปัญหาก็จะไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ถ้ากล้าทำงานจะต้องเจอปัญหาแบบนี้ ซึ่งผู้ทำนโยบายก็พยายามทำทุกอย่างให้รัดกุมที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา แต่อย่างไรก็ต้องกล้าคิดกล้าทำ ไม่เช่นนั้นปัญหาก็จะแก้ไม่ได้

"หากกลัวทั้งหมดปัญหาก็จะสะสม ฉะนั้นเรื่องเหล่านี้ต้องจัดการให้สมดุลพอดี เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้ผู้ปฏิบัติงานขาดกำลังใจ และก็จะทำให้ประเทศมีปัญหา" นายภูมิธรรม กล่าว 

ตอบแทนยากกลับไทยหรือไม่

ส่วนหากคดีจบแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ สามารถเดินทางกลับไทยได้ใช่หรือไม่ นั้น ส่วนตัวไม่สามารถตอบแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ ว่าอยากกลับมาหรือไม่ หรือยังประสงค์อยู่ต่างประเทศ เนื่องจากบุตรชายกำลังศึกษาอยู่ในประเทศอังกฤษ​ ฉะนั้นก็แล้วแต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ถึงอย่างไรตนคิดว่า น.ส.​ยิ่งลักษณ์ปัญหาเบาที่สุด เพราะเรื่องต่าง ๆ อาทิ โครงการรับจำนำข้าว ก็ยังต้องการการพิสูจน์อีกหลายอย่าง เพราะมองว่าไม่ใช่เป็นการทุจริตแต่โดนมาตรา 157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเรื่องนี้พูดยาก และก็ได้รับการตัดสินจากศาลบางส่วนไปแล้วว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร

"ฉะนั้นเรื่องเหล่านี้ต้องให้กำลังใจคนทำงาน เพราะถ้าหากเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นเรื่อยๆคนก็จะไม่กล้าคิดอะไรใหม่ๆ พร้อมมองว่าขณะนั้นที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คิดโครงการ 2020 เพื่อให้ประชาชนเข้าใจนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เราต้องการจะสื่อสารให้คนไทยคิดไปอีก 10 ถึง 20 ปีข้างหน้า" รองนายกฯ กล่าว 

ทั้งนี้ ส่วนตัวอยากให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และตนก็อยากให้เดินทางกลับ เพราะหากเดินทางกลับมาได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดี เพราะประชาชนที่เคยเห็นผลงานก็อยากให้กลับมาโดยเร็ว รวมถึงตนก็รอต้อนรับอย่างเต็มที่ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นที่เคารพรักของทุกคนรวมถึงตนด้วย

ควรคืนความยุติธรรมและอย่าตั้งเงื่อนไขการเมือง

ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์​ หากเดินทางกลับไทยจะต้องมีการทำความเข้าใจกับประชาชนบางกลุ่มหรือไม่ที่มองว่าจะกลับมาในลักษณะคล้ายคลึงกับนายทักษิณ​ นายภูมิธรรม ระบุว่า มาแบบไหนไม่มีใครทราบ อยู่ที่คดี จะนำน.ส.ยิ่งลักษณ์ไปเปรียบเทียบกับนายทักษิณไม่ได้ เนื่องจากคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์​ เป็นคดีที่ถูกกล่าวหา หลายคดีก็คลี่คลายไป พร้อมกับยังมองว่าหลายคดีที่จบไป โดยเฉพาะคดีแพ่งจบลงแล้ว​ แต่บ้านของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ถูกยึดแล้ว ซึ่งจะมาจัดการอย่างไรก็ยังคงเป็นปัญหาอยู่ ฉะนั้นขอให้เข้าใจประเด็นเหล่านี้ และคืนความเป็นธรรมให้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์

อย่างไรก็ตาม หากอดีตนายกทั้งสองคนกลับมาอยู่ในไทย จะส่งผลอย่างไรต่อสถานการณ์ทางการเมืองและบ้านเมืองอย่างไรนั้น มองว่าไม่น่าเกี่ยวกันเนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องการคืนความเป็นธรรมให้คน​ เมื่อคนไม่ผิด การจะมาตั้งเงื่อนไขทางการเมืองก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร

"เพราะการมาห้ามสิทธิทางพลเมือง เราสามารถเลือกถิ่นที่อยู่อาศัยได้ ย้ำว่าประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องคนละเรื่องกับทางการเมือง และหลายเรื่องที่มีการเรียกร้องให้มีการพิสูจน์ ก็พิสูจน์เรียบร้อยแล้วตามลำดับ ในเมื่อคดีจบแล้ว​ ก็พิสูจน์ว่าท่านไม่ได้ผิดอะไร และเป็นความเข้าใจ ฉะนั้น หากจะไม่ให้โอกาส น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับประเทศ และมาตั้งคำถามว่ากลับมาแล้วมีผลทางการเมืองอย่างไร มันเป็นการไม่ใช่การเริ่มต้นจากจุดที่ถูกต้อง ฉะนั้นมันต้องเริ่มจากจุดที่ว่าท่านได้รับความยุติธรรม และเมื่อไม่ผิดและไม่ได้รับความยุติธรรม ต้องคืนความยุติธรรมให้ แล้วยังจะมีการมาตั้งคำถามอีกหรือ ผมมองว่าอคติมากเกินไปหน่อยไหม ฉะนั้นหากตั้งคำถามว่ามาแล้วจะมีปัญหาก็แย่เหมือนกันนะ เพราะคนจะอยู่ประเทศนี้ก็อยู่ยาก" นายภูมิธรรม กล่าว 

"ทวี" ปัดอดีตนายกฯ ประสานขออภัยโทษรายบุคคล

ด้าน "พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง" รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้มีการประสานหรือติดต่อมาทางกระทรวงยุติธรรมเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคล ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ต้องผ่านกระทรวงยุติธรรม สามารถทำได้โดยตรง เพียงแต่ส่วนใหญ่เรื่องจะผ่านเข้ามาที่กระทรวงยุติธรรม

รมว.ยุติธรรม กล่าวต่อว่า โดยกรณีของนายทักษิณ เท่าที่ทราบมีการประสานทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ด้านกฎหมาย ในขณะนั้น ได้เคยออกมาให้รายละเอียด



ส่วนกระบวนการขั้นตอนหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางกลับประเทศไทย จะมีขั้นตอนกระบวนการอย่างไรบ้างนั้น โดย พ.ต.อ.ทวี กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ปกติแล้วจะไม่ตอบคำถามหากเป็นกรณีสมมุติ

เมื่อถามย้ำว่า หากกลับมาจะใช้วิธีการแบบนายทักษิณ โดยพ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ในส่วนกฎระเบียบของกรมราชทัณฑ์มีกำหนดไว้ชัดเจน ย้ำว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและกฎระเบียบที่กำหนด

"อุ๊งอิ๊งค์" โพสต์ไอจีย้ำเคลียร์ไปอีกหนึ่งคดี

ขณะที่ล่าสุด "น.ส.แพทองธาร ชินวัตร" หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้มีการโพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านไอจีสตอรี่ โดยระบุว่า Hugs รูปหัวใจสีแดง 1 ดวง 

นอกจากนี้ น.ส. แพทองธาร ยังได้แชร์สตอรี่ที่แท็กชื่อตนเอง ซึ่งสตอรี่นั้นมีเพลงประกอบ คือ เพลงประวัติศาสตร์ และมีข้อความระบุว่า เคลียร์ไปอีก 1 คดี ด้วย

"สมชาย" ยุ "ยิ่งลักษณ์" กลับไทยมาติดคุก 5 ปี

สำทับด้วย "นายสมชาย แสวงการ" สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังคงมีคดีที่ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาให้จำคุกแล้ว 5 ปี ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ สามารถเดินทางกลับประเทศได้ทุกเวลา แต่จะต้องยอมรับกระบวนการยุติธรรม และยอมรับโทษ 5 ปี เว้นแต่จะไปดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด แต่การเข้าเกณฑ์ขอพักโทษ ซึ่งมีข้อสงสัยและข้อครหา ที่จะต้องมีการตรวจสอบระเบียบราชทัณฑ์ และกฎกระทรวง ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

"จากกรณีที่นายทักษิณได้รับการพักโทษ เพราะก็ยังมีข้อคำถามที่นักกฎหมายตั้งคำถามว่า เงื่อนไขตามกฎหมายราชทัณฑ์นั้น นายทักษิณเข้าเกณฑ์ใด แต่สำหรับน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น อายุยังไม่เข้าเกณฑ์ และยังแข็งแรง เดินทางไปมาหลายประเทศได้ จึงไม่เข้าเงื่อนไข และต้องทำใจ หากจะกลับประเทศเข้ารับโทษในเรือนจำ และหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม และดำเนินการเหมือนนายทักษิณอีก ก็จะทำให้เกิดวิกฤตศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรม" นายสมชาย ระบุ

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวสนับสนุนให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางกลับประเทศเพื่อรับโทษและเมื่อเข้ารับโทษแล้ว จะขออภัยโทษ หรือลดโทษ เหมือนนักโทษทั่วไป ก็เชื่อว่าสังคมจะยอมรับได้ แต่หากใช้วิธีพิเศษอีก ก็จะเป็นวิกฤตซ้ำ

เตือนพวกตีความกฎหมายแบบศรีธนญชัยระวังให้ดี

ทั้งนี้ นายสมชาย ปฏิเสธตอบคำถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางกลับประเทศหรือไม่ เพราะมีผู้พยายามสร้างเงื่อนไขศรีธนญชัยทางกฎหมาย ซึ่งในวันหน้า ผู้เอื้ออำนวยก็จะได้รับผลทางกฎหมาย ซึ่งเมื่อวานนี้ (4 มี.ค.) คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้เชิญผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. มาให้ข้อมูลต่อการดำเนินการของกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ที่มีผู้ร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.จำนวนมาก ก็จะส่งผลในวันหน้า และเป็นบทเรียน

"เพราะผู้ที่ได้รับประโยชน์ อาจไม่ต้องมารับผิดชอบต่อข้าราชการประจำ แต่ข้าราชการประจำ ก็ต้องรับผิดชอบไป เหมือนคดีจำนำข้าว คดีบอส อยู่วิทยา ที่เป็นบทเรียนของการหลีกเลี่ยงกฎหมาย" นายสมชาย ระบุ