svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เปิดเบื้องลึกหย่าศึก “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” คำสั่งตรงจากผู้มากบารมี ?

22 มีนาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ยังคงวิจารณ์กันทุกวงสนทนา สำหรับคำสั่งย้ายฟ้าผ่า “2 บิ๊กตำรวจ” ซึ่งประเด็นที่หลายคนยังข้องใจคือเรื่องนี้เป็นมาอย่างไร เบื้องลึกแท้จริงแล้วใครเป็นคนสั่ง เกี่ยวข้องกับผู้มากบารมีทางการเมือง ?

การสั่งย้าย “บิ๊กตำรวจ” พร้อมกันถึง 2 คน ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ตลอดจนวงการสีกากีต้องบอกว่ายังไม่เคยมีเคสเช่นนี้มาก่อน เพราะที่ผ่านมาแค่คำสั่งย้าย ผบ.ตร.คนเดียวก็เป็นเรื่องใหญ่แล้ว

คำถามที่หลายคนสงสัยคือ เรื่องนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร คนที่ถูกสั่งย้าย รู้ตัวล่วงหน้าหรือไม่ โดยเฉพาะฝ่าย “บิ๊กต่อ ผบ.ตร.” เพราะโปรไฟล์ทางครอบครัวไม่ธรรมดา ดังนั้นรัฐบาลจะทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ย่อมเป็นไปไม่ได้

มีข้อมูลจากแหล่งข่าวระดับสูงทั้งในและนอกทำเนียบฯ มาสรุปให้ผู้อ่านได้พิจารณาและใช้วิจารณญาณว่าความจริงเป็นไปตามนี้หรือไม่

1.ทั้ง “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” ไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะถูกย้าย มารู้อีกทีตอนที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เรียกพบ และแจ้งตรงๆ

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)

2.แนวทางแก้ไขปัญหา ฝั่ง “บิ๊กต่อ”  นายกฯเศรษฐา ส่งสัญญาณไปอย่างต่อเนื่องให้เร่งจบปัญหา ที่ผ่านมาจึงเห็นแอคชั่น “บิ๊กต่อ”เป็นระยะ ขณะที่ฝั่ง “บิ๊กโจ๊ก” จะเห็นว่ามีการไปรอพบอดีตนายกฯ ที่เชียงใหม่

แหล่งข่าวระบุว่า ในทริปเชียงใหม่ของอดีตนายกฯ  “บิ๊กโจ๊ก” แต่งตัวเต็มยศไปรอพบทุกที่ กระทั่งมีจังหวะได้เข้าไปนั่งคุยใกล้ๆ จึงถือโอกาสไปนั่ง และพูดเรื่องคดี

ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่า “บิ๊กโจ๊ก” เคยทำหน้าที่ ดูแลใกล้ชิดบ้านจันทร์ส่องหล้าอยู่ก่อนแล้ว เพราะมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงมาตั้งแต่รุ่นของบิดา โดยบิดาของ “บิ๊กโจ๊ก” ซึ่งเป็นอดีตตำรวจชั้นประทวน เคยเป็นพลขับให้ พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ บิดาของคุณหญิงพจมาน อดีตภริยาของอดีตนายกฯทักษิณ สมัยไปประจำการอยู่ที่ภาคใต้ ดังนั้นที่ผ่านมา “บิ๊กโจ๊ก” จึงถูกมองจากบางฝ่ายว่า เป็นเหมือน คนในบ้านของตระกูลชินวัตร โดยเฉพาะสายของนายหญิงจันทร์ส่องหล้า

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.

ภาพที่ "บิ๊กโจ๊ก" เข้าไปคุกเข่าทักทาย คุณหญิงพจมาน เมื่อปลายปีที่แล้ว ในงาน “แสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 9 เฉลิมพระเกียรติ” ที่ท้องสนามหลวง เช้าวันอาทิตย์ที่ 29 ต.ค. 2566 ก็สร้างกระแสฮือฮาเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์มาครั้งหนึ่งแล้ว และหลายคนเชื่อว่าเป็นการยืนยันความสัมพันธ์ระหว่าง "บิ๊กโจ๊ก" กับตระกูลชินวัตร

เปิดเบื้องลึกหย่าศึก “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” คำสั่งตรงจากผู้มากบารมี ?

3.บทสรุปการแก้ไขปัญหาในช่วงนั้นคือ ให้ทั้งสองฝ่ายเจรจา และจบปัญหาระหว่างกัน แต่ประเด็นคือ ปัญหาใหม่ที่แทรกขึ้นมา “ระดับหัวจบ แต่ระดับปฏิบัติ คือลูกน้องทั้งสองฝ่าย จบไม่ได้ จบไม่ลง” เพราะ

  • หาก “บิ๊กโจ๊ก” กลับมาเป็นใหญ่  โดนไล่เช็คบิลยกทีม เพราะก่อนหน้านี้ “บิ๊กโจ๊ก” เคยลั่นวาจาเอาไว้  ดังนั้นแม้ระดับหัวเคลียร์จบ แต่ระดับหางยังฟาดกันต่อ
  • จุดเปลี่ยนอยู่ที่การขออนุมัติหมายจับ “บิ๊กโจ๊ก” ของคณะพนักงานสอบสวนคดีเว็บพนันออนไลน์ แม้สุดท้ายศาลจะให้ออกแค่หมายเรียก แต่ถือว่าคดีเดินหน้าแล้ว หยุดไม่ได้ คดีเริ่มนับหนึ่ง ออกหมายเรียกแล้วไม่ยอมรับหมาย หรือไม่ยอมมารับทราบข้อกล่าวหา ก็จะเป็นเหตุให้ขออนุมัติศาลออกหมายจับได้ ทำให้ “ฝ่ายบิ๊กโจ๊ก” ต้องตัดสินใจเปิดข้อมูลสู้
  • ข้อมูลชุดแรก โยง นายพล ต. คนใกล้ชิด ก. ซึ่งสังคมไม่รู้ว่าใคร แต่คนในวงการรู้ดี นอกจากนั้นตัวย่ออื่นๆ ก็ล้วนมีนัยสำคัญ
  • ข้อมูลของ “ฝ่ายบิ๊กโจ๊ก” เป็นแค่ชุดแรก และเป็นแค่น้ำจิ้ม แต่ “วงใน” รู้ดีว่า ถ้ามีข้อมูลแบบนี้ จะมีชุด 2 โยงถึงคนใหญ่กว่า “นายพล ต.” คราวนี้จะเดือดร้อนกันทั้งบาง

4. คืนก่อนวันแถลงข่าวมีการดอดไปพบกันช่วงกลางคืน ณ สถานที่แห่งหนึ่ง โดยฝ่าย “บิ๊กต่อ”  ยอมรับว่าคดีหยุดไม่ได้ จึงตกลงจะพูดเปิดทางให้ส่งสำนวนทั้งหมดไป ป.ป.ช. คือให้พ้นมือพนักงานสอบสวนที่อยู่ตรงข้ามกับบิ๊กโจ๊ก ฝ่าย “บิ๊กโจ๊ก” หยุดเปิดข้อมูลชุด 2

เปิดเบื้องลึกหย่าศึก “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” คำสั่งตรงจากผู้มากบารมี ?

"ผู้มากบารมี" สั่งตรงหย่าศึก 2 บิ๊กตำรวจ ?

เช้าวันแถลงข่าว (19 มี.ค.) เกมพลิก ทั้ง "บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก" ถูกเรียกไปทำเนียบรัฐบาล นายกฯเศรษฐาแจ้งว่าจะย้ายทั้งคู่ออกจากตำแหน่ง พร้อมทำความเข้าใจ พูดให้เข้าใจเหตุผลและเจตนา

โดยมีข่าวจากวงในระบุว่า "นายกฯเศรษฐา" ใช้เวลาคุยไม่นาน แต่พูดตรง และแรง แสดงความไม่พอใจที่ปัญหาบานปลายใหญ่ขึ้น พร้อมพูดเชิงตำหนิ ผบ.ตร.ที่แก้ปัญหาไม่ได้ และบอกให้ทั้งคู่ไปแถลงข่าว จากนั้นก็มีคำสั่งย้ายตามออกมา

5.การเปลี่ยนเกมหนนี้ แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า มีคำสั่งตรงมาจากเบอร์ใหญ่กว่านายกฯ โดยเหตุผลคือ หลักฐานที่ฝ่าย “บิ๊กโจ๊ก” นำมาเปิด ถือว่าสะเทือนเลื่อนลั่น ทำให้หลายฝ่ายไม่สบายใจ และเกรงว่าปัญหาจะลุกลาม “เบอร์ใหญ่กว่านายกฯ” จึงเสนอโมเดล “ย้ายคู่” เพื่อให้ดูเป็นธรรม และจบจริง เพื่อไม่ให้ไฟลามไปมากกว่า “นายพล ต.” เพราะฝั่ง"บิ๊กโจ๊ก"ก็จะหยุดแฉก๊อก 2 ส่วนคดี “บิ๊กโจ๊ก” จะเดินหน้าต่อไป แล้วค่อยๆ เดินเกมบีบให้สรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช.ทั้งหมด

“จตุพร” เชื่อผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญสั่งเด้ง “บิ๊กต่อ”

สอดคล้องกันกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ที่ออกมาไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก คาดว่าการเด้ง 2 บิ๊กสำนักงานตำรวจหางชาติ (ตร.) คือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี แม้มีความขัดแย้งกันจริง แต่ที่มาของรัฐบาลเกิดจากดีล ดังนั้นคนดีลย่อมเสี่ยงจะถูกตอบโต้จากคำสั่งเด้งครั้งนี้

นายจตุพร กล่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มีภูมิต้านทานเหนือกว่า ผบ.ตร.ในอดีตอีกหลายคน จึงไม่มีใครเชื่อจะถูกหัก และสั่งย้ายมาช่วยราชการที่สำนักนายกฯ ส่วน “บิ๊กโจ๊ก” เคยมาแล้วหลายครั้ง จะมาอีกก็ไม่แปลก นอกจากนี้สังคมไม่เชื่อว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง จะกล้าสั่งเด้ง อาจมีอำนาจเบื้องหลังคอยกำกับการอยู่ก็ได้

ถอดรหัสคำสัมภาษณ์ “ทักษิณ”

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อ “บิ๊กต่อ” มีเงื่อนเวลาอยู่ในตำแหน่ง ผบ.ตร.ถึงเกษียณสิ้นกันยายนปีนี้ จึงเท่ากับถูกบีบด้วยเงื่อนเวลา ซึ่งหลังคณะกรรมการสอบสวนครบตามคำสั่ง 60 วันแล้ว จะเหลือเวลาอีกแค่ 120 วัน ดังนั้นโอกาสได้กลับมา ตร. เหมือนจะเหลือน้อยหรืออาจยากที่จะได้กลับเสียด้วยซ้ำ

ส่วน “บิ๊กโจ๊ก” เหลืออายุราชการอีก 7 ปี เพราะเกษียณ 2574 ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ หรือบิ๊กต่าย รอง ผบ.ตร. รักษาการ ผบ.ตร. จะเกษียณปี 2569 ดังนั้น “บิ๊กโจ๊ก” ยังมีเวลาได้เป็น ผบ.ตร. ต่อจากรักษาการ ผบ.ตร. เกษียณอีกตั้ง 5 ปี

“ร่องรอยนายกฯสั่งเด้ง ผบ.ตร.นั้น เป็นที่น่าสังเกตกับ 3 วาทะรหัสของ ทักษิณ ที่สัมภาษณ์ไว้ที่เชียงใหม่ คือ สภาพจิตใจ ถึงบ้าน 6 เดือน และต่างคนต่างอยู่ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ได้” นายจตุพร ตั้งข้อสังเกต

 

นายจตุพร กล่าวว่า การแก้ปัญหาใน ตร. โดยการสั่งเด้งคนและตั้งกรรมการคนนอกมาสอบสวนหาความจริง จะไม่มีทางแก้ไขปัญหาได้เลย เมื่อไม่มีการปฏิรูป ตร. ให้เป็นอิสระ ปลอดจากอำนาจการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่สำคัญทั้งที่นายกฯ เป็นผู้ดูแล ตร. กลับไม่กล้าปฏิรูปเสียเอง จึงทำให้ ตร. ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้

นายจตุพร กล่าวว่า นายกฯ บอกให้ตำรวจสามัคคีกัน ทำงานเป็นที่พึ่งของประชาชน แต่จะพึ่งได้อย่างไร เมื่อตำรวจยังพึ่งตัวเองไม่ได้เลย ดังนั้น การตรวจสอบของคณะกรรมการ 3 คน หากรื้อเข้าไปลึกจะยิ่งเจอปัญหามากมาย สิ่งสำคัญคาดว่าการลงดาบสั่งเด้ง ผบ.ตร.ครั้งนี้ จึงเห็นร่องรอยอำนาจส่อเปราะบางขึ้น เพราะคนทำการดีล ควบคุมการดีลต่างใจเต้นตุ้มๆต่อมๆเช่นกัน อีกอย่างถ้าดีลถูกเบี้ยวแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ตนประเมินว่าหากแก้กันไม่ได้แล้ว สุดท้ายอาจต้องจบกันแบบเดิม ดังนั้นการเด้งจึงเป็นจุดเริ่มต้นของปฐมบทปัญหาที่จะเกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นในอนาคต

“สิ่งสำคัญแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่ใช่มีแค่ 2 บิ๊กตร.เท่านั้น แต่นายกฯ และอดีตนายกฯทักษิณ ก็ยังเป็นปัญหาด้วย ทุกปัญหาล้วนพันผูกกับตำรวจทั้งสิ้น ดังนั้นสภาพข้างหน้าจึงเต็มไปด้วยปัญหา แล้วใครจะโดนปัญหาเล่นงานกันก่อน ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ มีการคาดกันว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการแหกดีลกันหรือไม่ ซึ่งรอบนี้หนักกว่าเดิม หากกล้องวงจรปิด รพ.ตำรวจ กู้ภาพกลับคืนได้ จะยิ่งกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาอีก แล้วนำไปสู่ปัญหาไม่คาดคิดกันใหม่ได้ตามมาสมทบ ซ้ำเติมกันอีก” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร เชื่อว่าแม้นายกฯ สั่งให้สอบสวนใน 60 วัน แต่ดูแววตาของ 2 บิ๊กรู้ว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเสร็จสิ้นใน 60 วัน และอาจจะมีสถานการณ์ใหม่เข้ามาแทรกแซง ยิ่งทำให้เวลาขยายเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ

ส่วนมีการสงสัยว่า ประเทศมีนายกฯกันกี่คน โดยตั้งข้อสังเกตตั้งแต่การแต่งตั้ง ผบ.ตร. เมื่อกันยายน 2566 ที่ ก.ตร.ประกาศเลื่อนประชุมแล้ว อีกสักพักให้ประชุมกันต่อ นายจตุพร เห็นว่า กรณีนี้มองถึงอำนาจหลังฉากตัวจริงว่าเป็นใครกันแน่ระหว่างอำนาจของนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญกับอำนาจนายกฯ นอกรัฐธรรมนูญ 

“แต่วันนี้อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน และรู้ว่าใครทรงอำนาจและมีอิทธิพล แล้วปัญหาจะยิ่งไม่จบ มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ และถ้าแน่จริงทั้ง 2 ฝ่ายคงตะลุมบอนกันเร็วขึ้น แต่โดยธรรมชาติแล้วคงได้พูดคุยสมยอมกันอีก หรือถ้าเกิดอารมณ์นักเลงมาทั้งคู่จะไม่ยอมกันเลยก็ได้ ซึ่งจะจบอีกแบบ ต้องคอยติดตาม” นายจตุพร กล่าว

logoline