
จากประเด็นนี้ทำให้สายตาทุกคู่ต่างโฟกัสไปยังเรื่องการปรับ ครม. แต่อีกมุมหนึ่งที่จะมองข้ามไม่ได้และใกล้เข้ามาทุกขณะ
ปรับครม.แน่-แค่ใหญ่หรือเล็ก
โดย "ดร.สติธร ธนานิธิโชติ" ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า อธิบายผ่าน "NationStory" ซึ่งอยากให้มองข้ามเรื่องการปรับ ครม. เพราะถึงอย่างไรก็เกิดขึ้นแน่นอน เพียงแต่จะแบบไหน หากเป็นการปรับเล็กก็แค่ภายในวงของพรรคเพื่อไทย เพราะ สส.ที่ยังไม่มีตำแหน่งก็อยากได้
ส่วนถ้าหากเป็นการปรับใหญ่ คือ ข้ามไปยังพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะบุคคลที่มีชื่อปรากฏออกมาไปนั่งคุมกระทรวงต่างๆ ยิ่งทำให้ข่าวลือเกิดแรงกระเพื่อม แต่การไป จ.เชียงใหม่ ก็ไม่ได้บ่งชี้อะไรในเรื่องการปรับ ครม. แต่เหมือนเคลื่อนไหวในส่วนที่ทำได้ และมีข้ออ้างสมเหตุสมผล ซึ่งการเดิมเกมเรื่องนี้คงไม่จำเป็นต้องมา จ.เชียงใหม่ แค่นอนอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้าก็ได้
กระชับฐานอำนาจท้องถิ่น
ดร.สติธร ฉายภาพอีกมุมที่จะมองข้ามไม่ได้ คือ การเลือก สว. ที่อีกไม่กี่เดือนก็จะเกิดขึ้น และการเดินทางไปจ.เชียงใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งในการกระชับฐานท้องถิ่น พร้อมกับดึงเครือข่ายเก่าๆ กลับมา ดังนั้น การปรับ ครม. เป็นแค่ระยะสั้น รวมถึงการเลือกตั้ง อบจ. เกิดขึ้นในปีหน้า
"แต่ระหว่างทาง คือ มี สว. ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะหน้าจริงๆ และไม่เชื่อว่าเพื่อไทยไ ม่อยากได้ สว. และการเดินแบบนี้ของคุณทักษิณ กลายเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เช่นเดียวกับก้าวไกล ทำไมต้องรีบเปิดตัวผู้สมัคร อบจ. ก่อนหน้านี้ ก็หวังสร้างเครือข่ายเอาไว้"
ขณะที่ "รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว" อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ให้ความเห็นทำนองเดียวกันว่า เป็นการเมืองแน่นอน แม้จะไปกราบไหว้บรรพบุรุษ แต่ก็เป็นการแสดงเชิงสัญญะการเมือง เพื่อสะท้อนถึงอิทธิพล บารมี นายกฯตัวจริง และปลุกกระแสคนเสื้อแดงที่ยังรักกลับมา เพื่อนำไปสู่ เช่น