svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"พิธา" ปัดหนุน "ตะวัน ทะลุวัง" บีบแตรขบวนเสด็จรับกังวลการกระทำแต่เข้าใจ

"พิธา" ปัดสนับสนุน "ตะวัน ทะลุวัง" ปมบีบแตรขบวนเสด็จ รับการกระทำน่ากังวลแต่เข้าใจ ย้ำไม่อยากให้เกิดความรุนแรง ด้าน "ชัยธวัช" ขอทุกฝ่ายตั้งสติให้ดี

10 กุมภาพันธ์ 2567 ต่อกรณีที่ "น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์" หรือ "ตะวัน ทะลุวัง" นักกิจกรรมทางการเมือง ที่ได้ออกมาแสดงพฤติกรรมขัดขวางโดยการบีบแตรขบวนเสด็จ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา 

ล่าสุด ระหว่างการลงพื้นที่บริเวณ ซุ้มประตูวัฒนธรรมไทย - จีน ถนนเยาวราช ของ "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย "นายชัยธวัช ตุลาธน" หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นนี้

โดย นายพิธา กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าไม่สำคัญ ในฐานะที่เป็นนักการเมืองและคนไทยคนหนึ่ง ก็กังวลถึงสถานการณ์บ้านเมือง และอนาคตของคนรุ่นใหม่ด้วย จึงอยากเชิญชวนทุกคนตั้งสติ เข้าใจว่ามีหลายฝ่ายไม่สบายใจ กังวลใจ และต้องการความเข้าใจ ตนก็อยากให้ทุกฝ่ายคลี่คลายสถานการณ์ ไม่ให้แตกร้าวไปมากกว่านี้ 

ทั้งนี้ มองว่าการผลักเยาวชนคนรุ่นใหม่ออกไป ไม่น่าจะเป็นผลดีต่อภาพรวม ตนอยากจะให้ร่วมมือกัน หาทางออก พร้อมยํ้าว่าไม่อยากให้เกิดความรุนแรงไปมากกว่านี้

นายพิธา กล่าวยืนยันว่า ไม่ใช่สนับสนุนพฤติกรรมของเยาวชนกรณีขบวนเสด็จ ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับนายประกัน เป็นเรื่องสิทธิการประกันตัว ต้องแยกเป็นกรณี ควรใช้ความละมุนละม่อม หาทางออกร่วมกัน เพื่อทำให้สถานการณ์คลี่คลาย 

สำหรับจุดยืนของตนต่อการกระทำของ น.ส.ทานตะวัน นั้น "กังวลใจ แต่เข้าใจ"

เมื่อถามย้ำว่า วันนี้กลุ่มเยาวชนมีการทำกิจกรรมและเกิดการปะทะกันเกิดขึ้น นายพิธา กล่าวว่า รู้สึกกังวล ทุกฝ่ายควรตั้งสติ และทุกภาคส่วนของสังคมต้องช่วยกัน หาทางออกจากความขัดแย้งในเรื่องนี้

ส่วนจะมีการยื่นประกันตัวกลุ่มเยาวชนคดี มาตรา 112 หรือไม่ เพราะในพรรคก้าวไกล ก็มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแยก สิทธิในการประกันตัว ทุกคนมีสิทธิ์ ที่จะถูกสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน ส่วนการอารักขาบุคคลสำคัญของประเทศ ก็เป็นอีกเรื่อง แต่การแสดงออกก็เป็นอีกเรื่องเช่นกัน อย่าไปผูกรวม จะทำให้การแก้สถานการณ์ไม่ได้ และแตกแยก ไม่เป็นผลดีต่อสังคมไทย

ขณะที่ นายชัยธวัช กล่าวว่า กรณีของ น.ส.ทานตะวัน ที่ยังเป็นประเด็นอยู่ขณะนี้ ตนย้ำว่า เป็นสิ่งที่ไม่ปรารถนามากที่สุด คือ การปะทะกันอย่างรุนแรงไม่ว่าจะเป็นการไล่ล่า การล่าแม่มด โดยหากให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสุดขั้วขึ้นเรื่อย ๆ จะต้องตั้งสติให้ดี ใช้กระบวนการทางประชาธิปไตยและสติในการที่จะลดช่องว่างทางความคิด ความเข้าใจ โดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง ซึ่งในกรณีนี้ก็เข้าใจในความคับข้องใจ แต่ก็ต้องช่วยกันดูว่าการสื่อสาร การแสดงความคิดให้สังคมได้มีความเข้าใจ และพร้อมที่จะพิจารณาสื่อสารประเด็นที่ดีที่สุดว่าควรจะเป็นอย่างไร 

ส่วนกรณีที่ "นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร" สส.บัญชีรายชื่อ ของพรรค ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับกรณีที่ น.ส.ทานตะวัน ทำ content ขวางขบวนเสด็จนั้น ยอมรับว่า ในเรื่องนี้มีความคิดเห็นหลากหลาย เรื่องนี้ก็เป็นตัวอย่าง แม้ว่าจะมีคนหลายส่วนพร้อมที่จะเข้าใจประเด็นนี้ อยากจะสื่อสาร แต่ก็อาจจะมีคนไม่เห็นด้วยกับวิธีการ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่จะเป็นเหตุผล ที่จะผลักให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสุดขั้วมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ยอมรับ เพิ่มช่องว่างระหว่างกัน

 

"ยิ่งปะทะกันอย่างรุนแรงเป็นเหตุที่ไม่ควรเกิดขึ้น และเห็นว่าเป็นเวลาที่จะต้องใช้สติมากขึ้น โดยไม่ใช้อารมณ์ ซึ่งการนิรโทษกรรมก็เป็นกระดุมเม็ดแรก และหวังว่าจะระบายความกดดัน พร้อมกันนี้ยังเห็นว่าจะต้องทำให้ทุกคนเย็นลงเพื่อจะได้นั่งพูดคุยกัน" นายชัยธวัช กล่าว

 

ส่วนการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ศึกษาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น ถือเป็นประตูอีกบานที่จะคลี่คลายความเครียดและความขัดแย้งทางการเมือง เพื่อเปิดพื้นที่ให้ฝ่ายที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกันได้มีพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยกัน หาจุดร่วมให้ได้โดยใช้กระบวนการทางประชาธิปไตย หวังว่าในคณะกรรมาธิการวิสามัญฯมีการพิจารณาอย่างรอบด้านทั้งข้อดีและข้อเสีย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหากระบวนการในการนิรโทษกรรม 

"ตะวัน" ยัน "ทิม พิธา" ไม่ได้เป็นนายประกัน

ขณะที่ น.ส.ทานตะวัน กล่าวว่า กรณีที่มีนำการจัดกิจกรรมของกลุ่มทะลุวังและกลุ่มตนไปเชื่อมโยงกับพรรคก้าวไกล และนายพิธา ที่เป็นนายประกันให้ตนนั้น ขอชี้แจงยืนยันว่า นายพิธา ไม่ได้เป็นนายประกันของตนเองมานานแล้ว เพราะตนเองถูกถอนประกันปีที่แล้ว ในคดีที่นายพิธา เป็นนายประกัน ทำให้ตอนนี้นายพิธาไม่ได้เป็นนายประกันตนเอง และยืนยันว่า การเคลื่อนไหวของตนเองและกลุ่ม ก็ไม่ได้เกี่ยวกับนายพิธา มาตั้งแต่แรกอยู่แล้วเช่นกัน

"นายกฯ" ย้ำประเทศมีขั้นตอนดูแลผู้นำโดยเฉพาะขบวนเสด็จ  

ด้าน "นายเศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง​ กล่าวถึงกรณีการปะทะกันระหว่างกลุ่มทะลุวังกับ ศปปส. ว่า ยังไม่ทราบเรื่อง และคิดว่าควรจะพูดคุยกันดีๆ ไม่น่าจะใช้กำลัง เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ดี และวันนี้ (10ก.พ.) เป็นวันปีใหม่ เป็นวันที่มีการท่องเที่ยว ในสายตาต่างชาติก็อาจจะมองไม่ดี ควรที่จะมีการระมัดระวังให้ดี หลังจากนี้จะสอบถาม ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร 

ส่วนจำเป็นต้องกำชับฝ่ายความมั่นคงหรือไม่ เพราะมันกลายเป็นการปะทะกันระหว่างผู้เห็นต่าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องของความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝ่าย และประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องสำคัญที่สุด อยากให้บรรยากาศ ที่มีความขัดแย้งพูดจากกันได้ในพื้นที่ปลอดภัย 

เมื่อถามว่า กลุ่มที่เห็นต่างไม่พอใจที่ "ตะวัน" ก่อกวนขบวนเสด็จ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันมีขั้นตอนในการที่จะปกป้องดูแลผู้นำของประเทศ และพระราชวงศ์ ในเรื่องของขบวนเสด็จก็ควรที่จะต้องทำตามกฎ 

เมื่อถามว่า การกำชับเจ้าหน้าที่แล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "ก็กำชับมาตลอด"