svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ศิริกัญญา" จี้ รัฐบาลแจง หนี้ตามมาตรา 28 เหตุประชาชนจะต้องรับผิดชอบ

05 มกราคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ศิริกัญญา" จี้ รัฐบาลแจง หนี้ตามมาตรา 28 เหตุประชาชนจะต้องรับผิดชอบผ่านการจ่ายภาษี ลุ้นบ่ายนี้ วิปฝ่ายค้านจะลงมติรับร่างงบประมาณหรือไม่ ด้านในสภาฯ ประท้วงวุ่น เหตุภาคใต้ได้งบฯน้อย เหมือนยุค นายใหญ่สายชิน นายกฯ บอก ถ้ามีโอกาสจะขึ้นชี้แจง

5 ธันวาคม 2567 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงถึงการอภิปราย งบประมาณปี 67 ว่า รู้สึกเสียใจที่ได้เปิดประเด็นการประมาณการตัวเลข GDP ที่ 5.4% เมื่อวานนี้(4 ม.ค.) จนกลบคำถามสำคัญที่รัฐมนตรีจะต้องตอบ สำหรับอัตราการขยายตัวของ GDP ยืนยันว่า ไม่มีใครใช้อัตราการเติบโตของ GDP ที่รวมเงินเฟ้อ มาเป็นตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจ หากรัฐมนตรีสามารถยอมรับจุดนี้ได้ก็จะไม่มีการโต้เถียงกันถึง 2 วันแบบนี้

ขณะนี้ตนก็ยังเฝ้ารอคำตอบ เกี่ยวกับการตั้งงบบำเหน็จบำนาญไว้ไม่เพียงพอต่อการจ่ายในปี 67 รวมถึงการไม่ได้ตั้งงบประมาณเผื่อ สำหรับการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร จะต้องใช้งบกลางหรือใช้เงินคงคลังมาจ่ายแทน

ส่วนการประมาณการรายได้ที่สูงเกินจริง น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ทั้งที่มีภาษี 4 ตัวที่หายไป ทั้งภาษีขายหุ้น การลดหย่อนกองทุน TESG รายได้ที่หายไป จากการนำส่งของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการลดหย่อนภาษีน้ำมันดีเซล-เบนซิน ทำให้ประมาณการรายได้ลดลง รัฐบาลจะหาเงินจากที่ไหนมาชดเชย

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อ การแก้ไขปัญหาหนี้ตามมาตรา 28 (พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ เป็นวงเงินที่ใช้สำหรับกรณีที่รัฐบาลมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐดำเนินโครงการโดยใช้เงินทุนของตัวเองไปก่อน และรัฐบาลจะรับภาระชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้กับหน่วยงานของรัฐในภายหลัง) ถูกซุกซ่อนอยู่ในการดำเนินโครงการต่างๆ แม้จะไม่ใช่หนี้สาธารณะ แต่ก็ถือเป็นหนี้ที่ประชาชนจะต้องรับผิดชอบผ่านการจ่ายภาษี จึงอยากให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลว่า หนี้ในส่วนนี้มีอยู่เท่าไร ต้องจ่ายอีกกี่ปี เพราะเท่าที่ทราบ ตอนนี้หนี้ดังกล่าวเกิน 1 ล้านล้านบาทแล้ว

ศิริกัญญา

นอกจากนี้ ยังมีวิกฤตความมั่นคง โดยเฉพาะในสัดส่วนของกระทรวงกลาโหมที่ยังไม่ปรับลดลง แต่เพิ่มขึ้นอีก 2% แม้นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะบอกว่ากระทรวงของบไปมากกว่านี้ แต่สำนักงบประมาณจัดสรรให้เพียงเท่านี้ จึงเป็นการตอบเรื่องดาวน์น้อยผ่อนนาน แสดงเจตนารมณ์ว่า ต้องการดาวน์มากกว่านี้ถึง 20% แต่สำนักงบประมาณตัดงบฯไป

ขณะที่เรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำ นายสุทินก็ยอมรับว่า เราเป็นผู้ถือสัญญา แต่ตนขอยืนยันว่าไทยไม่ได้ผิดสัญญาจัดซื้อเรือดำน้ำ แต่ในช่วงวิกฤตโควิดที่ไทยไม่ได้จ่ายเงิน เป็นเพราะจีนไม่สามารถต่อเรือเสร็จตามกำหนดงวดงานได้ แบบนี้จึงไม่ถือเป็นการผิดสัญญา ซึ่งในสัญญามีการกำหนดค่าปรับในกรณีส่งมอบล่าช้าไว้

ส่วนโครงการแลนด์บริดจ์ ที่นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า มีข้อมูลบางอย่างที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะในการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ไม่มีเรื่องของท่อน้ำมันอยู่ ดังนั้นการจะไปหานักลงทุนมาดำเนินการขนถ่ายน้ำมันข้ามมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก คงผิดฝาผิดตัว หรืออาจจะต้องรื้อรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ที่ลงทุนไปแล้ว 68 ล้านบาท ต้องปรับเปลี่ยนแผน ในการจัดทำผลประเมินผลกระทบ จาก BIA เป็น EHIA ซึ่งก็จะไม่ตรงกับสิ่งที่ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี

อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายวันนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการแถลงมติว่า จะลงมติอย่างไรกับร่าง พ.ร.บ.งบปี 67 จึงยังมีเวลาที่จะเปลี่ยนใจ ขอให้ใช้เวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงตอบคำถามเหล่านี้ให้ครบถ้วน และกระจ่าง ว่าจะแก้ไขปัญหาให้ประเทศพ้นวิกฤตผ่านงบปี 67 ได้อย่างไร ซึ่งในช่วงที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้ชี้แจงเกี่ยวกับงบประมาณและเศรษฐกิจ ก็ถือว่าน่าผิดหวัง เพราะตนคาดหวังว่านายกรัฐมนตรีจะตอบด้วยตนเองมากกว่า

สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง พรรค ประชาธิปัตย์

สำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการพิจารณาว่าจะรับหลักการในวาระแรกหรือไม่ โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภา คนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ช่วงหนึ่งได้เกิดเหตุประท้วงกันวุ่น

โดย น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง พรรค ประชาธิปัตย์ อภิปรายถึงการจัดงบประมาณ 67 ที่จัดสรรให้กับพื้นที่ภาคใต้ในสัดส่วนที่น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ว่า การอภิปรายครั้งนี้ไม่ได้ฉกฉวยโอกาสเพื่ออภิปรายนายกฯ แม้จะมีข้อสงสัยในตัวนายกฯว่า มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจหรือไม่ หรือรอรับใบสั่งจากใครบางคน และไม่แน่ใจว่า นายกฯ จะเป็นผู้จัดสรรงบประมาณบริหารราชการแผ่นดิน ผ่านกฎหมายฉบับนี้ตัวจริงหรือไม่

แต่คาดหวังว่างบฯจะถูกนำไปใช้ตอบโจทย์ความต้องการในพื้นที่ ส่งเสริมความเป็นอยู่ประชาชนให้ดีขึ้น ภายใต้สามัญสำนึกที่ว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ มาจากภาษีของประชาชน เพราะฉะนั้นเม็ดเงินทุกเม็ดควรจัดสรรอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมเท่าเทียม ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เพียงเพราะเหตุผลทางการเมือง เหมือนเหตุการณ์ในอดีตที่คนใต้ทั้งภาคถูกเลือกปฏิบัติ หรือเพราะไม่นิยมชมชอบพรรคแกนนำรัฐบาลในขณะนั้น

ทั้งนี้ ตนมีข้อกังวลในการจัดทำงบภายใต้รัฐบาลเศรษฐี ที่ชื่อว่า เศรษฐา ทวีสิน ผู้ที่ได้รับฉายาจากสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาลว่า เซลล์แมนสแตนชิน” จากที่มาและฉายาของนายกฯ สะท้อนให้เห็นและปฏิเสธไม่ได้ว่า รัฐบาลชุดนี้มี DNA หรือรากเหง้ามาจากไทยรักไทย ที่มีนายใหญ่สายชินเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลในปี 2554 เป็นเจ้าของความคิดที่ว่า จังหวัดไหนไม่เลือกให้รอการพัฒนาไปก่อน

\"ศิริกัญญา\" จี้ รัฐบาลแจง หนี้ตามมาตรา 28 เหตุประชาชนจะต้องรับผิดชอบ

จนกลายเป็นที่กล่าวขานว่า เป็นยุครัฐบาลที่มีข้อครหาในการจัดทำงบฯมากที่สุด ต่อมาแปรสภาพเป็นพรรคพลังประชาชนและจบลงด้วยการถูกยุบพรรค ในที่สุดก็มาเป็นเพื่อไทย ที่เริ่มต้นภายใต้การนำของรัฐบาลสายชิน นายกฯหญิงคนแรกของไทย ที่เมินการจัดสรรงบประมาณพื้นที่ภาคใต้ แต่ใช้งบสูงถึง 1.39 ล้านล้านบาท ไปกับนโยบายโด่งดังอย่างจำนำข้าว ที่ตัวเลขสูงแต่ประสิทธิผลต่ำ และสิ่งที่ได้รับกลับกลายเป็นน้ำตาของชาวนาทั้งประเทศ

ซึ่งเมื่ออภิปรายมาถึงช่วงนี้ นายสรวงศ์ เทียนทอง สส. สระแก้ว พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วง โดยบอกว่าเราอยู่ในยุคปีใหม่ 2567 ย้อนอะไรกลับไปนานขนาดนั้น แล้วนี่ก็งบปี 67 ขอความกรุณาอยู่ในประเด็น ซึ่ง นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ประธานในที่ประชุม ได้วินิจฉัยว่า การอภิปรายงบฯประชาชนดูอยู่

จากนั้น นายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วง ยืนยันว่าการอภิปรายของ น.ส.สุณัฐชา ยังอธิบายอยู่ในประเด็น ไม่ได้ไปกระทบกระทั่งนายของบ่าว ต่อมานายสรวงศ์ได้ลุกขึ้นประท้วงอีกครั้ง โดยขอให้นายพิทักษ์เดช ถอนคำพูด เพราะเป็นเรื่องไม่ดี ประชาชนดูอยู่ สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ผลออกมาวันนี้แล้ว

น.ส.สุณัฐชา จึงขออภิปรายต่อและขอให้ฝ่ายรัฐบาลใจเย็นๆ อยากให้เข้าใจว่าตนไม่ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ แค่อยากจะทำให้เห็นรากเหง้าของรัฐบาลชุดนี้ อย่าลืมว่าท่านหนีอดีตไม่พ้นและหนีความจริงไม่ได้ เพราะตนและชาวใต้เกือบ 10 ล้านคน กลัวว่าความไม่เป็นธรรมในการจัดสรรงบประมาณ จะถูกส่งต่อมาถึงนายกฯ ผ่านร่างงบประมาณฉบับนี้ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับแผนงานพัฒนาระบบคมนาคม โลจิสติกส์ โดยทุ่มงบพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานกว่า 58,000 ล้านบาท แต่เมื่อพิจารณาลงไปในรายละเอียด สิ่งที่รัฐบาลวาดฝันไว้กับคนไทยทั้งประเทศ ไม่ได้สวยหรูนัก โดยเฉพาะกับชาวใต้ 14 จังหวัด ที่ได้รับงบพัฒนาเพียงแค่ 3,973 ล้านบาท หมุนเวียนใน 209 โครงการ จากโครงการทั้งหมด 1,577 โครงการ

นอกจากนี้ พบหลายโครงการที่หายไป เช่น แผนงานด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ เช่น มอเตอร์เวย์สายใต้, รถไฟทางคู่สายใต้ เส้นทาง ชุมพร-นราธิวาส, โครงการสะพานเชื่อม อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช - อ.เกาะสมุย  จ.สุราษฎร์ธานี, โครงการก่อสร้างสนามบิน ในจ.พัทลุง ที่ไม่พบงบศึกษาหรือสำรวจ, โครงการก่อสร้างถนนสี่เลน สาย 4046 เชื่อม จ.กระบี่, โครงการแผนพัฒนา จ.ภูเก็ต ด้วยรถไฟฟ้าและสนามบินอันดามัน ที่ไม่พบรายละเอียด แม้ นายเศรษฐา จะลงพื้นที่เพื่อขายฝัน แต่ตนมองว่าเป็นฝันระยะไกล

ต่อจากนั้น น.ส.สุณัฐชา นำภาพการฉลองปีใหม่ของ นายเศรษฐา ที่สวมชุดสีแดง ขึ้นมาโชว์ พร้อมกับกล่าวถึงเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ทำให้ นายพิเชษฐ์ ขอให้ยุติการอภิปราย และขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาพดังกล่าวว่าได้ขออนุญาตแล้วหรือไม่ แล้วก็เกิดเหตุประท้วงเรื่องการควบคุมการทำหน้าที่ของประธานในที่ประชุมว่าไม่เป็นกลาง นายพิเชษฐ์ จึงกล่าวว่า ทราบว่าเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบและยังไม่แจ้งตน หากเจ้าหน้าที่ดำเนินการแล้วก็ยินดี และให้อภิปรายต่อไป

ขณะที่ น.ส.สุณัฐชา กล่าวตอบโต้ว่า “คิดว่ารูปที่นายกฯ สวมเสื้อสีแดง และปาร์ตี้ที่ทำเนียบรัฐบาล ไม่มีอะไรเสียหายหรืออาย เพราะการเป็นนักโทษเทวดาอยู่บนชั้น 14 น่าอายกว่ามาก” ทำให้ สส.พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงในประเด็นดังกล่าว

น.ส.สุณัฐชา อภิปรายต่อ จากตัวอย่างโครงการในภาคใต้ที่ถูกทำให้อันตรธานหายไป จากข้อมูลค่าเฉลี่ยต่อหัวที่คนใต้ได้รับในการพัฒนาน้อยที่สุด ส่อเค้าลางว่างบประมาณปีแรกของ “รัฐบาลเศรษฐา” ไม่ต่างจากยุครัฐบาลนายใหญ่เพื่อไทยเมื่อหลาย 10 ปีก่อน ทำให้ตนไม่สามารถรับหลักการ จนกว่าจะทบทวนให้รอบคอบ คืนความเป็นธรรมให้คนภาคใต้

“ท่านนายกรัฐมนตรีอาจจะลุกขึ้นมาแก้ตัวว่า ตัวท่านและผู้นำในอดีตเป็นคนละคนกัน แต่การจัดทำงบประมาณในลักษณะนี้ ยิ่งทำให้ดิฉันมั่นใจว่า ถึงแม้จะเป็นคนละคนกันแต่พฤติกรรมทอดทิ้งคนใต้ ถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาถึงท่านนายกรัฐมนตรีที่ชื่อเศรษฐา ทวีสิน ผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี 2567 " น.ส.สุณัฐชา กล่าว

ทั้งนี้ การประท้วงยังคงมีต่อเนื่องจน น.ส.สุณัฐชา จะอภิปรายจบ

อย่างไรก็ตาม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงถึงกรณี สส. พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายว่าจัดสรรงบประมาณให้กับภาคใต้ ไม่เท่าเทียมเป็นเหมือนในอดีตว่า พื้นที่ภาคใต้เป็นที่ประจักษ์ดีอยู่แล้ว ตนเองในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่ลงพื้นที่ไปตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ลงไป 2 หน ไม่รวมจังหวัดภูเก็ตที่ไปมาหลายหน ซึ่งเรื่องของงบฯ ก็เป็นอีกเรื่องที่เป็นตัวบ่งบอกว่า จะทำให้พื้นที่มีความมั่นคง และมั่งคั่งเกิดขึ้นได้ แต่อีกเรื่องที่ไม่อยากให้ลืม คือเรื่องของความใส่ใจว่ารัฐบาลนี้จะดูแลพี่น้องประชาชนอย่างทั่วถึง และวันนี้หากมีโอกาสชี้แจง ตนเองก็จะขึ้นชี้แจงอีกครั้ง เพื่อให้เข้าใจถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลนี้ที่มีอยู่

“ผมในฐานะนายกรัฐมนตรี ภายใน 4 ปีนี้ ผมเชื่อว่าชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทุกๆภาคจะดีขึ้น”

เมื่อถามว่า การอภิปราย 2-3 วันที่ผ่านมา มีจุดไหนที่ถูกอภิปรายแล้วจะนำไปสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีหลายจุดที่ต้องไปดู และจะประชุมกันอีกครั้งว่า ตรงไหนสามารถปรับปรุงแก้ไขได้ อย่างที่ตนเองได้ขึ้นชี้แจงไปเมื่อวานนี้(4 ธ.ค.) และที่ตอบข้อสงสัย ตนเองก็พร้อมที่จะน้อมรับเรื่องการจัดสรรงบให้เป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด และวันนี้ก็มีหลายมุม ทั้ง เรื่องสมาชิกพรรคฝ่ายค้านบอกจัดสรรงบฯไม่เป็นธรรม แต่เราต้องไปโฟกัสว่า เราจะทำอย่างไรมากกว่า ไม่ใช่แค่เรื่องงบฯอย่างเดียว เรื่องที่จะดูแลพี่น้องประชาชนในทุกภาคส่วน ให้มีความเท่าเทียมเสมอภาค ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

 

logoline