svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"หนักใจ" คำนิยามเศรษฐกิจ ปี 67 จาก นายกฯ มีเรื่องอะไรน่าหนักใจบ้าง?

13 ธันวาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"หนักใจ" คำนิยามเศรษฐกิจ ปี 67 จาก "นายกฯ" มีเรื่องอะไรน่าหนักใจบ้าง? ส่วนของขวัญเป็นอะไร ติดตามกันเลย พร้อมตอบคำถาม แจกเงินดิจิทัล ค่าแรงขั้นต่ำ หนี้นอกระบบ ฝุ่น PM 2.5

13 ธันวาคม 2566 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้คำนิยามเศรษฐกิจในปีหน้าหนึ่งคำกับผู้สื่อข่าวว่า "หนักใจ"

เมื่อขอเหตุผล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "คุณบอกขอแค่คำเดียวเมื่อกี้นี้" แต่ได้ขยายความว่า หนักใจในเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก อย่างที่ทราบกันดีว่าขณะนี้เศรษฐกิจอยู่ในช่วงวิกฤต เรื่องค่าแรงที่ยังต่ำอยู่ ซึ่งมีความห่วงใยเรื่องค่าแรงขั้นต่ำมาตลอด แต่ไม่ได้ห่วงใยเพราะจะกระทบการลงทุน แต่มองว่า การลงทุน ควรให้ความสำคัญในเรื่องของพลังงานสะอาดมากกว่า และยังต้องให้ความสำคัญ เรื่องการเจรจาทางด้าน FTA สนธิสัญญาการค้า, เรื่อง Infrastructure Development ต่างๆ เรื่องที่ต้องมี Single Windows Single form ตามชายแดนต่างๆ เพื่อส่งเสริมการค้า และต้องให้ความมั่นใจ ว่ามีบุคลากรแรงงานที่พร้อมที่จะให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน

เมื่อถามว่า นอกจากเรื่องค่าแรงที่หนักใจก็ยังมีปัญหาเศรษฐกิจอื่นที่หนักใจหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า "หลายเรื่องเลยเต็มไปหมดเลยครับ"

เมื่อผู้สื่อข่าวขอให้ยกตัวอย่างหนึ่งเรื่องว่า มีเรื่องอะไร นายกรัฐมนตรีย้อนถามว่า คุณขอไปแล้ว ก็ตอบว่าหนักใจ พอแล้ว 

นายกฯ ให้คำนิยามเศรษฐกิจปีหน้าหนึ่งคำว่า "หนักใจ"

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ร่วมเสวนาหัวข้อ "คนไทยถาม นายกฯ เศรษฐาตอบ" ในงาน เดลินิวส์ ทอล์ก 2023 (Dailynews Talk 2023) โดยพิธีกรได้ทักทายนายกรัฐมนตรีเรื่องการเล่นฟุตบอล ซึ่งทีมโปรดอย่างลิเวอร์พูลชนะ และขึ้นนำจ่าฝูงในพรีเมียร์ลีก ว่า ในคณะรัฐมนตรีก็มีเชียร์ทีมลิเวอร์พูลอยู่หลายคน ก่อนที่จะตอบคำถามจากประชาชนที่สอบถามเข้ามาในเรื่องของการศึกษา ว่า จะต้องส่งเสริมให้เด็กได้เข้าเรียนทุกคน 

ส่วนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ สำหรับนักศึกษาที่จบปริญญาตรีนั้น รัฐบาลมีการทำเพดานเป็นระดับขั้น เชื่อว่าภายใน 4 ปี จะถึง 25,000 บาทต่อเดือน และเอกชนก็ควรจะนำไปปรับขึ้นเช่นกัน สำหรับค่าแรงที่คณะกรรมการไตรภาคีเสนอมา ทุกคนทราบอยู่แล้วว่ารัฐบาลไม่เห็นด้วย เช่น ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขึ้นค่าแรง 2 บาท ซื้อไข่หนึ่งฟองยังไม่ได้ ซึ่งในวงการสื่อเองก็เงียบเรื่องนี้ ก็อยากให้เสียงดังขึ้น และอยากให้ประชาชนออกมาพูด ทั้งเรื่องกฎหมาย สิทธิ์ต่างๆว่าสามารถทำได้หรือไม่ ขึ้นค่าแรง 300 บาท เมื่อ 9 ปีที่แล้ว ผ่านมา 10 ปีค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 337 บาท ขึ้นเพียง 12% ท่านรับได้หรือไม่ หากลูกหลานของท่านจะได้รับเงินเดือนจำนวนนี้ ถ้าเป็นเด็กจบจากเมืองนอกเงินเดือน 30,000 กว่าบาท ผู้ปกครองจะรับได้หรือไม่

ในขณะเรื่องหนี้นอกระบบ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลที่ผ่านมา ทำอะไรมาเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ แต่เรื่องนี้เป็นปัญหายาวนานกับสังคมไทย เป็นสารตั้งต้นของปัญหาทั้งหมด โดยเฉพาะปัญหาสังคม เป็นหนี้ 10,000 บาทใช้ไปแล้ว 30,000 บาท แต่เงินต้นก็ยังอยู่ ซึ่งโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นอีกเรื่องที่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้

ส่วนเงินหมื่นจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะได้เมื่อไร เอาจากไหนมาให้ ประชาชนจะเป็นหนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยืนยันว่าผ่านกลไกลตรวจสอบได้ เพื่อให้มีการสอบถามอย่างถูกต้อง ให้สังคมหมดข้อกังวล อย่างเร็วสุดคาดว่าจะเป็นเดือนพฤษภาคม 2567 แต่ในความคิดของตนน่าจะเร็วกว่านี้

ส่วนการที่ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง แต่ยังมีความผันผวน ไม่สามารถที่จะลดให้ยั่งยืนได้ ในขณะที่การลดค่าไฟก็ต้องดูว่า ก่อนที่รัฐบาลนี้จะเข้ามา ค่าไฟอยู่ที่ 4.50 บาทต่อหน่วย แล้วลดลงมาที่ 4.20 บาท ล่าสุดลงมาที่ 3.99 บาท ซึ่งจะหมดในเดือนมกราคมนี้ ส่วนราคาค่าไฟต่อจากนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า 4.20 บาท

ในขณะที่ปัญหาราคายางพาราและปาล์มน้ำมันนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้อยากพูดแค่เรื่องยางหรือปาล์ม แต่อยากให้มีรายได้สุทธิเพิ่ม ไม่ใช่ว่าราคาพืชผลขึ้นแล้ว รายจ่ายเพิ่มขึ้น ดังนั้นเรื่องของการใช้องค์ความรู้ ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมด้านการเกษตร การใช้ปุ๋ย

สำหรับการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้า นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า เป็นปัญหาใหญ่ เวลาลงพื้นที่ชาวบ้านมักสะท้อนปัญหาให้ฟัง ซึ่งต้องมีการตัดต้นทางของยาเสพติด โดยกฎหมายเก่าก่อนที่จะเผาทำลายใช้ระยะเวลานานมาก และเป็นที่สงสัยของสังคมว่า มีการรั่วไหลหรือไม่ จากนี้ไปมีการคุยกันแล้วจะแก้กฎหมาย ถ้าจับได้พิสูจน์ได้จะเผาทันที ขอให้รอฟังการแถลงข่าวที่จะมีการเผายาเสพติดอย่างยิ่งใหญ่ 16 ธันวาคมนี้ พร้อมย้ำว่า ปัญหานี้มีการตั้ง KPI ที่ 4 ปีต้องหมดไป ให้มันเหลือแต่เรื่องปากท้อง และฝุ่น PM 2.5

ส่วนการแก้ปัญหาอาวุธปืนและผู้มีอิทธิพลนั้น นายเศรษฐา ระบุว่า ปัญหาปืนแก้ไขง่าย เพราะเราไม่ได้มีอุตสาหกรรมปืนเหมือนสหรัฐอเมริกา แต่ต้องมีการพูดคุยในการเข้าถึงอาวุธปืน และการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนลดการเดินทางเข้าไทย เพราะยังมีการเข้าถึงอาวุธปืนสูง จากเหตุการณ์กราดยิงที่สยามพารากอน เราก็ต้องแก้ไข

ส่วนคำถามเรื่องจุดยืนของนายกรัฐมตรี เรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม นายเศรษฐา กล่าวว่า เชื่อว่าเป็นเรื่องสำคัญ ที่ถ้าเกิดได้ในรัฐบาลนี้ จะทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้อย่างปลอดภัย มีเสถียรภาพ รัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพราะฉะนั้นการนิรโทษกรรมเป็นเรื่องของรัฐสภา และฝ่ายนิติบัญญัติ ส่วนความเหมือนและความต่างที่รัฐบาลปี 2556 เคยออกกฏหมายนิรโทษกรรมนั้น นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เรารู้ว่าเรื่องอะไรที่สังคมรับได้ รับไม่ได้ เชื่อว่าฝ่ายนิติบัญญัติทราบดี เพราะมาจากการเลือกตั้ง ต้องฟังเสียงประชาชน

ส่วนปัญหาฝุ่น PM 2.5 จะมีการออก พ.ร.บ.อากาศสะอาดทันทีที่สภาผู้แทนราษฎรเปิด โดยเห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาเศรษฐกิจ เพราะมีการเผาตอซังข้าว ข้าวโพด จึงต้องมีองค์กรที่เข้ามาช่วยบริหารจัดการ และหากเผาต้องมีการจ่ายภาษี เพื่อนำเงินมาดูแลแก้ปัญหานี้ และรัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุด ซึ่งในการบริหารประเทศไม่อยากให้มีคำศัพท์ที่สวยหรูในการแก้ปัญหา แต่จะให้ง่ายในการทำธุรกิจ รัฐบาลที่มาจากประชาชน เราต้องเอาหลังพิงประชาชน ถ้าประชาชนเดือดร้อนเรื่องอะไรก็ต้องไปดูเรื่องนั้น

“ความสุขของพี่น้องประชาชน เรื่องที่ประชาชนอยากได้ เป็นเรื่องที่รัฐมนตรีในคณะของผมตระหนักดี ของขวัญของประชาชนหมายถึงที่ผมจะมอบให้ ไม่ใช่ขึ้นค่าแรง ราคาพืชผล หรืออากาศสะอาด เรื่องราวนี้เป็นหน้าที่อยู่แล้ว ที่รัฐบาลนี้จะต้องทำให้ได้ แต่ของขวัญที่อยากจะมอบให้อาจจะไม่ใช่เรื่องที่จับต้องได้ แต่ผมจะให้คำมั่นว่ารัฐบาลนี้จะเอาความต้องการของประชาชน จะเอาปัญหาของประชาชนเป็นที่ตั้ง เราทุกคนในที่นี้ รัฐมนตรีทุกท่านจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ นำความสงบสุขมาให้ประชาชน” นายเศรษฐา กล่าว

logoline