svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"นายกฯ" หารือ "คิชิดะ ฟูมิโอะ" ย้ำส่งเสริมหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์รอบด้าน

"นายกฯ" หารือ "คิชิดะ ฟูมิโอะ" ส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์รอบด้าน ขอให้ไทยอำนวยความสะดวกในการลงทุน พร้อมเชิญร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนที่ญี่ปุ่นเดือนหน้า ด้าน "เศรษฐา" รับดูแลอุตสาหกรรมยานยนต์สันดาปญี่ปุ่นในไทย ชวนร่วมโครงการ "แลนด์บริดจ์"

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 (ตามเวลาท้องถิ่นนครซานฟรานซิสโก ซึ่งช้ากว่าไทย 15 ชั่วโมง) ณ โรงแรมนิกโก ซานฟรานซิสโก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบหารือทวิภาคีกับ นายคิชิดะ ฟูมิโอะ (H.E. Mr. Kishida Fumio) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในโอกาสเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกฯ กล่าวว่า ไทยกับญี่ปุ่นเป็นมิตรที่ใกล้ชิดมาอย่างยาวนาน มีความผูกพันในทุกระดับ โดยได้ย้ำถึงความพร้อมของไทยที่จะร่วมมือกับญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและภูมิภาค ทั้งนี้รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจที่เข้มแข็งกับญี่ปุ่น และนายกฯ พร้อมเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน – ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ (ASEAN-Japan Commemorative Summit) ในเดือนหน้า และหวังว่าจะได้เยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการในโอกาสแรก

ด้านนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า ยินดีที่ได้พบหารือกันในวันนี้ พร้อมแสดงความยินดีกับการเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และกล่าวว่า ญี่ปุ่นพร้อมกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น สานต่อความร่วมมือที่สนใจร่วมกัน ซึ่งโอกาสนี้ นายกฯ ญี่ปุ่นยังได้กล่าวขอให้ไทยช่วยอำนวยความสะดวก ในการเข้าไปลงทุนในประเทศไทย อาทิ การยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการติดต่อหรือประกอบธุรกิจแก่นักธุรกิจ

นายกฯ ยืนยันว่า ไทยพร้อมดูแลภาคอุตสาหกรรมยานยนต์สันดาปญี่ปุ่นในไทย ในช่วงการเปลี่ยนผ่านควบคู่กับการเร่งพัฒนาอุตสาหกรรม EV เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางช่วงสุดท้ายของการผลิตยานยนต์สันดาป ซึ่งนายกฯ ได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาแนวทาง โดยหารือกับภาคเอกชนญี่ปุ่นโดยตรง

พร้อมกันนี้ นายกฯ ญี่ปุ่น ได้เชิญนายกฯ ไทย เข้าร่วมการประชุม ASEAN-Japan Commemorative Summit เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ควบคู่กับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เพื่อให้ภูมิภาคก้าวเข้าสู่สังคมปลอดคาร์บอน ซึ่งไทยพร้อมร่วมมือภายใต้ข้อริเริ่ม Asia Zero Emission Community (AZEC) ของญี่ปุ่นที่สอดรับกับแนวทางของไทย

ทั้งนี้ ไทยมุ่งเน้นเปิดโอกาสเศรษฐกิจใหม่ ๆ อาทิ เศรษฐกิจดิจิทัล นวัตกรรม เศรษฐกิจสีเขียว รวมทั้งเปิดกว้างในการเจรจาความตกลงการค้าเสรีที่มีมาตรฐานสูง โดยไทยมีโครงการ Landbridge เพื่อเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวใหม่ จึงอยากเชิญญี่ปุ่นมาร่วมมือในโครงการนี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย ญี่ปุ่น และภูมิภาค โดยนายกฯ ย้ำว่ารัฐบาลไทยจะอำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชนอย่างเต็มที่ 

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังหารือด้านความมั่นคง ซึ่งยินดีที่มีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดภายใต้กลไกที่มีอยู่ อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม นายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในการหารือกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นว่า ได้คุยเรื่องของความสัมพันธ์ที่มีมานาน 50 ปี และหารือเรื่องการใช้รถยนต์สันดาป โดยตนให้ความมั่นใจกับทางญี่ปุ่นไปว่า จะไม่ทอดทิ้ง มีการพูดคุยกันว่า ให้การประกอบรถยนต์สันดาปของญี่ปุ่น และกระบวนการจัดการผลิตอยู่ได้ ขณะที่รถไฟฟ้า(อีวี) ที่มีความต้องการสูง และได้พูดในหลายเวทีว่า ประเทศญี่ปุ่นมีการลงทุนในประเทศไทยสูงที่สุดในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา จึงต้องมาดูแลช่วยเหลือกัน

และทางญี่ปุ่นยืนยันว่า ธุรกิจยานยนต์เป็นธุรกิจสำคัญและจะพัฒนาต่อในประเทศไทย นอกจากนี้ในระหว่างวันที่ 16- 18 ธ.ค.นี้ ตนจะเดินทางไปร่วมประชุมอาเซียน ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นอกจากนั้นยังพูดคุยอีกหลายเรื่อง เช่น การฟรีวีซ่าสำหรับนักธุรกิจของสองประเทศ ที่ทั้งสองฝ่ายมีการตกลงเห็นตรงกันว่าไม่จำเป็นต้องขอ เพื่อให้นักธุรกิจ ติดต่อธุรกิจและไปมาหาสู่สะดวกมากขึ้น เป็นเรื่องที่ดีที่สองฝ่ายเห็นตรงกัน 

เมื่อถามเรื่องวีซ่านักธุรกิจ จะจำกัดจำนวนวัน ในการเข้ามาพำนักเพื่อประกอบธุรกิจหรือไม่ นายกฯ ชี้แจงว่า ยังไม่มี เป็นหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ต้องไปศึกษา โดยการทำธุรกิจต้องใช้เวลานานเล็กน้อย ส่วนรายละเอียดคาดว่า จะตกลงกันได้ในระหว่างการไปร่วมประชุม