svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เทียบคำชี้แจงชัดๆ! ก่อน"ปูอัด"ติดบ่วงคุกคามทางเพศ?

ปัญหาคุกคามทางเพศนั้น ถือเป็นเรื่องสังคมไทยทุกวันนี้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ถึงขั้นส่วนใหญ่ต่างออกมารณรงค์เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นกับทั้งทุกเพศวัย

แต่จากกรณี "สส.ปูอัด" หรือ "ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์" สส.กรุงเทพ ก้าวไกล ที่ตกเป็นประเด็นเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ ต่อ 3 สาว ซึ่งเป็นทีมงานผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง แม้ภายหลังพรรคจะมีมติไม่ขับออก แต่สงวนสิทธิ์ต่างๆ ในทางการเมือง ต่างจากเพื่อนร่วมพรรค อย่าง สส.ปราจีนบุรี ที่ถูกมติให้ขับออก จนส่งแรงกระเพื่อมมายังก้าวไกล ถึงความไม่เป็นธรรม และตามมาด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์

แม้ "ปูอัด ไชยามพวาน" จะออกมาแสดงเชิงสัญลักษณ์ด้วยโค้งคำนับชนิดเรียกว่านับไม่ถ้วน จากประเด็นที่เกิดขึ้น ทว่า มิวายถ้อยแถลงของ "ปูอัด" วานนี้ (3พ.ย.) ส่งถึง "ชัยธวัช ตุลาธน" หัวหน้าพรรคก้าวไกล จนถึงขั้นต้องออกมาพูดถึงเนื้อหาว่า "ไร้สำนึก-ซ้ำเติมเหยื่อ"

"เนชั่นออนไลน์" จะพาย้อนอ่านคำให้สัมภาษณ์จากฝั่งผู้เสียหาย และคำแถลงขอโทษจาก "ไชยามพวาน" อีกครั้ง ว่ามีเนื้อหาอย่างไรบ้าง
 

เริ่มจากฝั่งผู้เสียหาย

โดย น.ส.หนึ่ง เปิดเผยว่า ตนเคยทำงานร่วมกับ สส.คนนี้หลายปี พฤติกรรมของสส. มีตีสนิทแตะเนื้อต้องตัว และทำให้เชื่อใจ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไร

 

"เห็นเป็นแค่ความสัมพันธ์พี่-น้อง และเห็นว่า เขาคงเอ็นดูเราในฐานะเด็กคนหนึ่ง" จากนั้น สส.คนนี้มีการชวนไปเที่ยวกลางคืน ชวนให้ดื่ม และฉวยโอกาส เมื่อไม่มีสติในการคุกคามทางเพศ หลังจากเหตุการณ์นั้น มีการขอมีเพศสัมพันธ์อีกหลายครั้ง แต่ปฏิเสธมาโดยตลอด ที่ผ่านมาไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับใคร เพราะกลัวกระทบต่อหน้าที่การงาน และเกรงกลัวผลกระทบที่ตามมาจากสังคม"

 

อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่ได้ร้องเรียนต่อกรรมการวินัยพรรคหลังจากเกิดเรื่อง เนื่องจากพบว่าคนในทีมอีก 2 คน ได้ถูกคุมคามทางเพศเช่นเดียวกัน จึงเห็นว่าเป็นเรื่องที่ควรออกมาส่งเสียงให้สังคมได้รับรู้ว่า การคุกคามทางเพศเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและไม่ควรยิมยอมให้เกิดขึ้น นอกจากนั้น ยังไม่อยากให้ใครเจอแบบที่ตนเจอ

นอกจากนี้ หลังจากที่คณะกรรมการบริหารร้องต่อคณะกรรมการวินัยพรรค สส.ได้โทรศัพท์มาขอโทษ และร้องไห้ ขอให้บอกคณะกรรมการว่า อย่าลงโทษรุนแรง เพราะอยากทำงานในพื้นที่ต่อ นอกจากนั้นยังมีการเตี๊ยมให้บอกว่า เป็นการสมยอมจากทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อให้โทษเบาลง

 

"สำหรับโทษที่อยากให้เขารับคือ ไม่อยากให้เขาได้เป็น สส. อีกต่อไป เนื่องจากเห็นว่าการคุกคามทางเพศ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและสังคมควรจะตระหนัก ถึงความรุนแรงของการคุกคามทางเพศในที่ทำงาน โดยเฉพาะการใช้ตำแหน่งหน้าที่และความสัมพันธ์เชิงอำนาจในการฉวยโอกาสคุกคามทางเพศ"

ขณะที่ น.ส.สอง ผู้เสียหายอีกราย ได้เล่ากับทีมข่าวเนชั่นออนไลน์ ว่า ได้เข้าไปทำงานกับ สส.ฝั่งธนฯ พรรคก้าวไกล ช่วงแรกไปช่วยตอนหาเสียง ซึ่งช่วงนั้นยังไม่ได้เข้าไปทำงานในศูนย์ประสานงาน ก็เลยไม่ได้คุยกันเท่าไร ส่วนใหญ่จะคุยผ่านทางไลน์ จึงไม่ค่อยสนิทกัน

ทั้งนี้ หลังจากเลือกตั้งชนะ สส. ก็ชวนไปทำงานด้วย เป็นผู้ช่วย สส. ก็จะมีเข้าไปทำงานในศูนย์ประสานงานของเขต แล้วก็มีเข้าสภาผู้แทนราษฎรวันที่มีประชุม แรกๆ ก็เหมือนยังไม่ได้มีอะไร แต่พอเริ่มสนิทขึ้น ก็เริ่มรู้สึกว่ ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ แต่ตอนนั้นคิดว่าคิดไปเอง

น.ส.สอง ยังเล่าต่อว่า โดยพฤติกรรมก็จะมีเริ่มตั้งแต่ ช่วงแรกๆ ก็จะมีไปส่งที่บ้านหลังจากกลับสภาฯ และเริ่มบ่อยขึ้น มีการแตะเนื้อต้องตัว จับหัว จับไหล่ มานวดให้ จับแขนถามเรื่องส่วนตัว และมีการเล่าให้ฟังว่าเลิกกับแฟนเก่า โดย สส.ทำแบบนี้กับน้องในทีมอีก 2 คน คือ แรกๆ จะทำให้เชื่อใจ แล้วก็จะชวนไปโน่นไปนี่ 2 ต่อ 2 

 

"อยากให้ติดตามเรื่องนี้ เพราะน้องในทีม อายุ 20-21 น้องกลัวมาก เรื่องน้องเกิดมานานแล้วประมาณ 3 เดือน ตอนแรกน้องไม่กล้าเล่าความจริงให้ใครฟัง เพราะกลัวไปต่างๆ นานา กลัวว่าจะเสียโอกาสในการทำงานต่อ กลัวเล่าไปแล้วไม่มีใครเชื่อ กลัวว่าคนอื่นจะคิดว่าสมยอม แต่เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ในการทำงานคุกคามทางเพศ ตำแหน่งหน้าที่ที่สูงกว่า ทำให้เขาคิดว่าไม่มีใครกล้าทำอะไรเขา 

ตอนแรกคิดว่าพี่เขาเอ็นดูอาจจะคิดไปเอง แต่หลังๆเริ่มไม่ใช่ เริ่มแตะเนื้อต้องตัวมากขึ้นเรื่อยๆจนคิดว่า เราต้องทำอะไรบางอย่าง ก็เลยตัดสินใจลาออก แล้วก็ไปแจ้งเรื่องกับทางพรรค แต่การดำเนินงานช้ามาก และดูไม่เป็นระบบ ตอนนี้คนในพรรครู้กันหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการจัดการอะไรให้เห็น เหมือนพูดกันภายในแต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น"

 

ด้าน น.ส.สาม ผู้เสียหาย กล่าวย้ำว่า เข้ามาทำงานได้ประมาณเดือนเศษ จากการชักชวนของ สส. และเริ่มรู้สึกผิดปกติกับ สส. จากคำพูดที่จี้ถามตลอดว่ามีแฟนหรือยัง ซึ่งได้บอกไปว่ามีคนคุยอยู่ แต่ สส. ก็ยังบอกว่าก็ยังโสดอยู่สิ ถามตลอด บางครั้งก็มีการถึงเนื้อตัว ชวนไปไหนมาไหนบ้าง แต่ตนก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก จนกระทั่งน้องในทีมมาเล่าให้ฟังว่า โดนอะไรมา ซึ่งจากหลักฐานและเหตุการณ์ เป็นคนละโลกกับที่ สส. พูดเลย จึงได้รวมตัวกันนำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งพรรค

ทั้งนี้ ส่วนตัวแล้วไม่มีความมั่นใจเท่าไร เพราะที่ผ่านมาดูเหมือนพรรค ไม่ได้ take action ในเรื่องนี้ ต้องรอให้เรื่องล่วงเลยจนเกิดกระแส ซึ่งต่างจากการแสดงจุดยืนของพรรคในเรื่องการคุกคามทางเพศ และทำไมยังมีข่าวเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าสุดท้ายคงจะให้แค่ใบเหลืองกับ สส.

 

"ขนาดเราทำงานด้วยยังเกิดปัญหานี้ได้ แล้วจะเชื่อได้อย่างไรว่า จะไปผลักดันนโยบายในระดับประเทศ แต่เรา ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับพรรค เป็นเรื่องของบุคคล แต่คำถามเป็นอย่างที่โซเชียลถาม ทำไมการพิจารณาตัดสินเรื่องนี้ใช้เวลานาน ขนาดคนทำงานในพรรคยังประสบปัญหา แล้วจะเชื่อได้อย่างไรว่า พรรคจะไปผลักดันนโยบายในระดับประเทศได้"

 

มาด้านผู้ถูกร้องเรียน โดย "ไชยามพวาน" ซึ่งได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเมื่อวานนี้ ชี้แจงถึง 3 สาว ดังนี้

ผู้ร้องคนที่1 ที่กล่าวหาว่ามีการใช้อำนาจคุกคามทางเพศ ในบทสนทนาเป็นไปในทำนองยิมยอมตกลงไปทานข้าวด้วยกัน ซึ่งเป็นการพูดคุยกันปกติ และหลังจากที่ตนชนะการเลือกตั้ง ผู้ร้องคนที่ 1 ก็ได้ส่งข้อความแสดงความยินดี และย้ำว่าหลักฐานการสนทนาทั้งหมดได้นำส่งกรรมการพรรคหมดแล้ว 

ผู้ร้องคนที่ 2 ที่ได้กล่าวหาว่าถูกแอบถ่ายภาพ ขอชี้แจงว่า เป็นการถ่ายเพื่อทำคอนเทนต์ โดยมีแนวคิดว่า "เราเป็นสส.หน้าใหม่ อยากจะทำโปรโมท ซึ่งคนคิดคอนเทนต์ดังกล่าว คือ ผู้ร้องคนที่ 2 เอง" สะท้อนว่า ผู้ร้องรู้ตัวอย่างแน่นอนว่าถูกถ่าย และมีผู้ช่วยคนอื่นอยู่ด้วยแน่นอน ไม่ได้อยู่กัน 2 ต่อ 2 ตามที่ถูกกล่าวหา

ผู้ร้องคนที่ 3 ที่ได้ร้องว่ามีการแตะเนื้อต้องตัว เป็นการคุกคามทางเพศ ยอมรับว่า ที่ผ่านมามีการลงพื้นที่ และการลงพื้นที่แต่ละครั้งมีการสัมผัสตัวผู้อื่นอยู่มาก แต่ยืนยันการแตะต้องสัมผัส ไม่มีเจตนาประสงค์เรื่องทางเพศ

 

"หากผมผิดพลาดไม่ได้คิดถึงขอบเขตเรื่องนี้ให้ดีพอ ผมขออภัยมา ณ ที่นี้ อีกครั้ง หากการกระทำของผม ทำให้ผู้ร้องไม่สบายใจ และผมไม่ได้เปิดโอกาสให้ผู้ร้องสะท้อนความอึดอัด ก็ขออภัย และจะระมัดระวังตัวมากขึ้น"


ทั้งหมดเป็นถ้อยคำจากฝั่งผู้เสียหาย และ "ไชยามพวาน" ชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นการคุกคามทางเพศ และต้องตามดูต่อจากนี้ว่า บทสรุปของเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป