18 ตุลาคม 2566 เวลา 18.45 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ณ เรือนรับรองเตี้ยวหยูไถ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน นายกนำ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และ นายเซิ่น ไห่สง ผู้อำนวยการและบรรณาธิการใหญ่กลุ่มสื่อแห่งชาติจีน (China Media Group : CMG) ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านสื่อสารมวลชนและสารสนเทศ ระหว่างกรมประชาสัมพันธ์กับกลุ่มสื่อแห่งชาติจีน (CMG) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์
โดยเฉพาะในภาวะวิกฤติ ที่จะต้องอ้างอิงข้อมูลจากแหล่ง หรือหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ “ถูกต้อง รวดเร็ว เชื่อถือได้” ในการสื่อสารกับประชาชนทั้งสองประเทศในยุคดิจิทัล โดยกรมประชาสัมพันซึ่งเป็นสื่อภาครัฐแห่งชาติของไทย รับบทบาทในการขับเคลื่อนการดำเนินการภายใต้ MOU ฉบับนี้ ทั้งนี้ การลงนามดังกล่าวมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทย และนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นสักขีพยานในการลงนาม
นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า การลงนามครั้งนี้เป็น MOU ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2566 จากเดิมลงนามกับสถานีวิทยุกระจายเสียงระหว่างประเทศแห่งประเทศจีน (China Radio International หรือ CRI ) ไว้เมื่อปี พ.ศ. 2548 ซึ่งต่อมารัฐบาลจีนได้ปรับโครงสร้างการดำเนินงานด้านสื่อสารมวลชน โดยควบรวบสื่อทีวี วิทยุ รวมไว้ด้วยกัน จึงทำให้ CRI และสื่อหลักอื่นของจีนมีการรวมกลุ่มและยกระดับเป็น “กลุ่มสื่อแห่งชาติจีน (China Media Group: CMG)” นำมาสู่การลงนามใหม่ครั้งนี้ เพื่อขยายความร่วมมือครอบคลุม สื่อวิทยุ โทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ระหว่างไทยและจีน
ทั้งนี้ CMG เป็นถือเป็นองค์กรสื่อสารมวลชนด้านวิทยุและโทรทัศน์ใหญ่ที่สุดของจีน ที่รวม 4 สถานีใหญ่ เข้าด้วยกัน ได้แก่
1. สถานีวิทยุกระจายเสียงระหว่างประเทศแห่งประเทศจีน (China Radio International: CRI)
2. สถานีวิทยุกระจายเสียงส่วนกลางแห่งประเทศจีน (China National Radio: CNR)
3. สถานีโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน (China Central Television : CCTV)
4. สถานีโทรทัศน์ระหว่างประเทศแห่งประเทศจีน (China Global Television Network: CGTN)
นางพวงเพ็ชร กล่าวอีกว่า MOU ฉบับใหม่ระหว่างกรมประชาสัมพันธ์ และ CMG นี้ คลอบคลุมกิจกรรม 4 ด้าน ได้แก่
1. การแลกเปลี่ยนข่าวข้อมูลข่าวสาร ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ข่าว รายการ และสารคดี ทั้งในสื่อวิทยุ โทรทัศน์ และสื่อออนไลน์
2. แลกเปลี่ยนการเยือนของผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อ รวมทั้งการอำนวยความสะดวกสื่อมวลชนในการรายงานข่าวและผลิตรายการและสารคดี
3. ฝึกอบรมบุคลากรด้านสื่อสารมวลชน และสนับสนุนการทำงานด้านสื่อมวลชน เช่นการสนับสนุนจาก CMG ที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทั้งการออกอากาศ และดิจิทัล ช่วยฝึกอบรมบุคลากรให้มีความสามารถในการผลิต ตัดต่อรายการคุณภาพ หรือผู้ประกาศให้มีทักษะการรายงาน และดำเนินรายการเทียบเท่าผู้ประกาศระดับสากล
4. การส่งเสริมในเรื่องเทคโนโลยีการสื่อสาร และสารสนเทศ เช่น เทคโนโลยีใหม่ที่เป็นประโยชน์กับการทำงานด้านสื่อสารมวลชน เป็นต้น
"การลงนามจะช่วยยกระดับความร่วมมือระหว่างสื่อมวลชนทั้งสองประเทศ เพื่อแลกแปลกเปลี่ยนข่าวสารที่มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องเกี่ยวกับประเทศจีนที่เป็นประโยชน์กับคนไทย และเรื่องราวของไทยที่เป็นประโยชน์และอยู่ในความสนใจของจีน ในประเด็นการค้าการลงทุน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โอกาสทางการศึกษา ภาคการเกษตร เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนไทยและจีนได้รับรู้ข่าวสารที่ถูกต้อง โดยเฉพาะกับคนไทยที่จะสามารถยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อีกช่องทางด้วย และยังช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถรับมือและตอบโต้กับข่าวปลอม ที่เกิดขึ้นระหว่างกันได้อย่างทันท่วงที" นางพวงเพ็ชร กล่าว