svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"พีระพันธุ์" แจง ครม.ตีตกมาตรการลดราคาน้ำมันเบนซิน เหตุไม่ตอบโจทย์รัฐบาล

16 ตุลาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"พีระพันธุ์" แจง ครม.ตีตกมาตรการลดราคาน้ำมันเบนซิน เหตุไม่ตอบโจทย์รัฐบาลและตัวเอง พร้อมให้กลับไปหาแนวทางลดราคาในภาพรวม เช่นเดียวกับดีเซล แย้มลด 2.50 บาทเป็นของขวัญปีใหม่ เผยตั้งคกก.ปรับโครงสร้างราคาทั้งระบบ กำหนดกรอบทำงาน 30-60 วัน ด้าน นายกฯ ทวีตแจง ไม่ได้ปัดตก

16 ตุลาคม 2566 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันนี้(16 ต.ค.) คณะรัฐมนตรีตีตกข้อเสนอของกกระทรวงการคลัง ที่ได้มีการนำเสนอแนวทางการลดน้ำมันเบนซิน ใน 2 มาตราการ คือ

     1.มาตรการช่วยเหลือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย

     2.ขยายความช่วยเหลือจากมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปยังกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มผู้ประกอบการอื่นๆ

ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) รับทราบว่า แนวทางที่ 1. จะต้องมีค่าใช้จ่ายที่ภาครัฐสนับสนุน 95 ล้านบาทเศษ ส่วนแนวทางที่ 2. มีค่าใช้จ่ายที่สนับสนุน เดือนละกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งแนวทางทั้ง 2 แบบ เมื่อตนได้รับทราบช่วงเช้าที่ผ่านมาก็ไม่เห็นด้วย เพราะนโยบายของตนและรัฐบาล เห็นตรงกันว่า จะต้องลดราคาน้ำมันเป็นภาพรวม ไม่ใช่ช่วยเหลือเป็นกลุ่มๆ

ทั้งนี้ ตนได้บอกกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องว่า ให้กลับไปเพิ่มแนวทางที่ 3 เพื่อเสนอต่อครม.ต่อไป โดยแนวทางที่ 3 คือ การลดราคาน้ำมันแบบภาพรวม เช่นเดียวกับการลดน้ำมันดีเซล ดังนั้นในการประชุม ครม. ตนได้มีการเสนอแนวทางตามที่ได้กล่าวมา และก็ไม่เห็นด้วย เพราะต้องการลดราคาน้ำมันเบนซิน ซึ่งตนเคยให้แนวทางไปว่า ลดดีเซลได้ต่ำสุดเท่าใด ก็ควรนำน้ำมันเบนซินแบบต่ำสุดมาลดเช่นกัน ส่วนภาระค่าใช้จ่ายจะมีแค่ไหน รัฐบาลรับได้แค่ไหน ลดได้เท่าไร รัฐบาลก็จะตัดสินใจเอง หน่วยงานต่างๆไม่ต้องเกี่ยวข้อง แค่นำเสนอมาเท่านั้น

ทั้งนี้ ต้องขอบคุณ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่เห็นด้วยกับแนวทางของตน และเสนอแนวทางที่ 3 ว่าจะต้องลดราคาน้ำมันเบนซินทั้งระบบ โดยจะต้องเป็นเงินจำนวนบาทที่ลดลง เช่น 2.50 บาท แต่ทั้งนี้ต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน ขออย่างน้อยวันนี้ได้รับความเห็นชอบใช้แนวทางที่ 3 ตามที่ตนเสนอ

ส่วนจะใช้มาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซินหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ต้องไปศึกษาในรายละเอียด ซึ่งได้มีการมอบหมายแนวทางและเป้าหมายไปแล้ว โดยจะให้แล้วเสร็จภายใน 2 อาทิตย์นี้ ส่วนจะใช้วงเงินมากหรือไม่ ขณะนี้ไม่สามารถตอบได้ ต้องรอผลศึกษาจากกระทรวงการคลัง ส่วนจะใช้เงินกองทุนน้ำมันหรือไม่ ก็ยังตอบไม่ได้ เพราะให้แนวทางไปแล้ว ให้ผู้เกี่ยวข้องไปศึกษาว่า ต้องทำอย่างไร แต่ต้องพยายามทำให้ได้ ตามแนวทางที่ให้ไป

นายพีระพันธ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีปัญหาด้านโครงสร้างน้ำมันเบนซินหลายเรื่อง ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจ เพราะเพิ่งทำงานได้เพียงเดือนกว่า แต่คนที่ทำงานเป็นปีๆ ยังไม่สามารถให้คำตอบตนได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกประหลาด ดังนั้นจึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ตนต้องศึกษาข้อมูลข้อเท็จจริงและดำเนินการให้ได้ชัดเจนก็คือ เรื่องโครงสร้างและราคาน้ำมัน ซึ่งสามารถปรับลดตรงไหนได้ในภาพรวมก็จะดำเนินการยืนยันว่า การปรับลดราคาน้ำมันตั้งแต่ ก.ย. จนถึงวันนี้ อยู่บนพื้นฐานและโครงสร้างที่ใช้กันมานานนับ 10 ปี แต่ตนคิดหาแนวทางวิธีการว่าจะทำอย่างไร ให้สามารถปรับลดราคาน้ำมันลงได้มากกว่านี้ และยั่งยืนกว่านี้ ซึ่งจำเป็นต้องมีการแก้กฎหมาย และไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องมีเป้าหมายชัดเจนซึ่งเป็นเรื่องยากกว่า

ทั้งนี้ ตนกำลังตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อตรวจสอบค่าการตลาดน้ำมันแต่ละค่ายอย่างเป็นทางการแล้ว ส่วนการพูดคุยกับบริษัทน้ำมันต่างๆ ก็ไม่เป็นประโยชน์ เพราะพูดคุยมาก็ถือเป็นความลับ ข้อมูลทางการค้า ดังนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้จึงต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อหาคำตอบและต้องยึดถือข้อมูลอย่างเป็นทางการ เมื่อไม่ให้ข้อมูลก็ต้องเอาจากข้าราชการเป็นหลัก เมื่อให้โอกาสชี้แจงแล้วก็ไม่มา เมื่อไม่มาก็ช่วยไม่ได้ ซึ่งโครงสร้างราคาน้ำมัน มีตั้งแต่หน้าโรงกลั่น ซึ่งราคาหน้าโรงกลั่นที่บวกราคาค่าการกลั่น ซึ่งตนไม่อยากใช้คำพูดนี้ เมื่อพูดถึงค่าการกลั่น เหมือนมีค่าใช้จ่ายในการกลั่น แต่จริงๆไม่ใช่ ค่าการกลั่น หมายถึงกำไรเบื้องต้นแล้ว

“ค่าใช้จ่ายในการกลั่นอยู่ในงบดำเนินงาน ซึ่งเรื่องนี้เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ที่ตนได้บอกกับเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานว่า สามารถเปลี่ยนคำได้หรือไม่ เพราะไปใช้คำว่า ค่าการกลั่น คนทั่วไปก็คิดว่า เป็นค่าใช้จ่าย แต่ความจริงไม่ใช่ มันคือกำไรอยู่แล้ว”

เมื่อถามถึง โครงสร้างพลังงานจะแล้วเสร็จเมื่อไร นายพีระพันธุ์ ชี้แจงว่า ตนทำคนเดียวไม่ได้ ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำแล้ว และจะเริ่มประชุมในวันที่ 18 ต.ค. นี้ ส่วนกรอบเวลาตนให้ไปภายใน 30-60 วัน ซึ่งได้ตั้งคณะกรรมการอีกหลายคณะมาดูเรื่องนี้ เพื่อไม่รอให้เสียเวลา เมื่อภารกิจแต่ละหน่วยงานมาก แต่มีเป้าหมายของเราที่ต้องทำ จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำงานเอง เพื่อจะได้คำตอบเร็วขึ้น

ส่วนการแต่งตั้งผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิต หรือ กฟผ. นั้นนายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แต่อยากเรียนให้ทราบว่า หลังจากได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่ากระทรวงฯ ปรากฏว่า เอกสารล่าสุดเพิ่งส่งมาที่ตน เมื่อ 27 ก.ย. 66 ซึ่งการเดินเอกสารมาเมื่อไรไม่ทราบ เมื่อมาถึงตนก็ให้ไปตรวจสอบ โดยเริ่มต้นเมื่อ 3 ต.ค. ได้เชิญปลัดและผู้เกี่ยวข้องมาสอบถามว่า เรื่องนี้ได้รับแจ้งจากสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่า ทางกกต.ที่รับเรื่องนี้ไปพิจารณาแต่งตั้ง ได้ส่งเรื่องกลับคืน ตนจึงได้รับคำตอบจากผู้เกี่ยวข้องว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมีหน้าที่นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ไม่มีอำนาจหน้าที่ตัดสินว่า จะเอาใครหรือไม่เอาใคร

และได้นำเข้าที่ประชุมครม.มาแล้ว เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา มติครม.ว่าอย่างไร และยุติแล้ว ตนมาเป็นรัฐมนตรีวันนี้(16 ต.ค.) ก็มีหน้าที่นำกลับเข้าสู่ที่ประชุมครม. แต่ปรากฏว่า เมื่อตรวจสอบมติครม. 2 พ.ค. ครม.ได้เห็นชอบแต่ส่งเรื่องไปยังกกต.อีกครั้ง ก็หมายความว่า มติครม.วันนั้นเป็นมติที่มีเงื่อนไข ตนจึงได้สอบถามกฤษฏีกา และเลขาครม. ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้จะต้องทำอย่างไร ซึ่งได้รับคำตอบว่า ตนต้องส่งเรื่องกลับไปที่กฟผ. ให้ยืนยันกลับมา เพื่อให้รัฐบาลชุดนี้ ซึ่งเป็นรัฐบาลใหม่ดำเนินการต่อ หาก กฟผ.ยืนยันกลับมา ก็จะนำเสนอครม.ตามหน้าที่ ดังนั้นวันนี้ตนได้นำเรื่องกลับไปยังกฟผ. ให้เสนอเรื่องกลับมา ก่อนที่จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม.ต่อไป

ในขณะที่เมื่อมีกระแสข่าวครม.ตีตกลดราคาน้ำมันเบนซินเผยแพร่ออกไป นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ทวีตข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า 

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ผ่านเอ็กซ์ ชี้แจงข่าวประเด็น ปัดข้อเสนอกระทรวงพลังงาน ช่วยกลุ่มผู้ใช้ราคาเบนซิน ที่ยังไม่โดนใจ ว่า 

“ผมไม่ได้ปัดครับท่านรัฐมนตรีนำมาเสนอ แล้วท่านเองก็บอกว่ายังไม่โดนจะกลับไปพิจารณาใหม่ และหาแนวทางอื่นมา ผมแค่เห็นชอบครับ เดี๋ยวจะเข้าใจท่านรัฐมนตรีผิดครับ ท่านพยายามทำงานหนักอยู่ เพื่อหาแนวทางที่ให้ประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน”

\"พีระพันธุ์\" แจง ครม.ตีตกมาตรการลดราคาน้ำมันเบนซิน เหตุไม่ตอบโจทย์รัฐบาล

 

logoline