31 สิงหาคม 2566 หลังจากได้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี และอยู่ระหว่างตั้งคณะรัฐมนตรี เพื่อทูลเกล้าฯ รายชื่อและรอโปรดเกล้าฯ ก่อนถวายคำสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นวันสุดท้าย พร้อมจัดเลี้ยงอำลาผู้สื่อข่าว
โดยเวลาประมาณ 11.30 น. ลงจากตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อมาร่วมรับประทานอาหารกับสื่อมวลชน โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมวงรับประทานอาหารอำลาสื่อมวลชน ในการปฏิบัติหน้าที่เป็นวันสุดท้าย
สำหรับ เมนูอาหาร มื้ออำลาของพล.อ.ประยุทธ์ ประกอบด้วย หอยทอด ผัดไท ส้มตำ ไก่ทอดเกลือ หมูปลาร้า ข้าวมันไก่ กระเพาะปลา ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ น้ำตกหมู ไอติมกะทิ โดยเฉพาะอาหารอีสาน ถูกปากนายกรัฐมนตรีมาก ถึงกับออกปากว่า "แซ่บนัว"
ทันทีที่เดินทางมาถึงบริเวณหน้าห้องผู้สื่อข่าว(รังนกกระจอก) พล.อ.ประยุทธ์ได้เบรกสื่อมวลชนว่า วันนี้คุยแต่เรื่องสนุกสนานก็พอ การเมืองไม่ต้องคุยกัน เพราะคุยกันมา 9 ปีแล้ว ทะเลาะกันไปบ้างก็เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ก็ทำงานเป็น พูดไม่เพราะบ้าง อะไรบ้างก็ตามสไตล์
เมื่อผู้ข่าวถามว่า หลังจากนี้ จะไปเที่ยวพักผ่อนที่ใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คงให้นิ่งสักระยะ ไปถูกหรือเปล่ายังไม่รู้ เพราะที่ผ่านมานั่งรถจากบ้านมาทำเนียบทุกวัน
เมื่อถามว่า จะเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนที่ประเทศญี่ปุ่นกับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฝากลุงป๊อกไปเที่ยวก่อน ชีวิตเราหายไป 9 ปี ก็อยากอยู่กับครอบครัว สถานการณ์มันก็เปลี่ยนไปตามสภาวะ ซึ่งขณะนี้ก็สงบเรียบร้อยในระดับที่น่าพอใจ หากพวกเราช่วยกันรักษามันก็ไปได้ เราต้องทำให้ต่อเนื่อง วันนี้ไม่ขอวิจารณ์ หลังจากนี้ตนก็จะปฏิบัติหน้าที่ยังบ้านพัก จนกว่าคณะรัฐมนตรี(ครม.)ชุดใหม่จะถวายสัตย์ปฏิญาณ
เมื่อถามว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เดินทางมาพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า แล้วถามถึงห้องนอน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า แล้วแต่ท่าน ถ้าจะนอนก็มีห้องเล็กๆอยู่ ซึ่งหากงานมาก งานสำคัญ ก็แล้วแต่ท่าน แต่ตนไม่เคยนอน เพราะพวกเธอมารบกวนนอนไม่หลับ พูดผิดไปตนก็โมโห แล้วก็กลับมาเสียใจ พร้อมกับยกตัวอย่าง นายอนุทิน (ชาญวีรกูล) สายหวานไม่เคยทะเลาะกับใคร พูดจาดีตลอด ส่วนฉันสายดาร์ก หรือขี้โมโห มันก็เป็นประจำอยู่แล้ว เพราะเป็นคนคิดเร็ว ทำเร็ว บางทีอาจไม่เหมาะสม แต่เราก็ดูผลงานที่ออกมา เพราะเราเป็นทหารมาก่อน
เมื่อสื่อมวลชนขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ พูดเสียงดัง เพราะไม่ได้ยิน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า บางทีพูดไม่ได้ยินแล้วทำไมเขียนได้ รู้ใจขนาดนั้นเลย เขียนออกมาเป็นนิยายเต็มเลย
เมื่อถามว่า หลังจากนี้หากพ้นตำแหน่งจะเหงาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เหงา เราเป็นคนช่างคิดช่างอ่าน นิสัยนี้เลิกไม่ได้ แต่ก็ดูสถานการณ์ความเป็นไป ตนก็เหมือนประชาชนคนหนึ่ง เราต้องกำหนดบทบาทตัวเองให้เหมาะสม แต่ก่อนอาจจะดุไปบ้างเพราะเป็นนายกฯ ก่อนที่จะหยอกสื่อมวลชนว่า “เดี๋ยวจะให้ไปสหรัฐอเมริกา” สื่อมวลชนตอบกลับว่า “เข้าไม่ได้ตั้งแต่สนามบินแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แบบนี้ให้ไปสัมภาษณ์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก่อนที่สื่อฯจะกล่าวว่า เข้ารั้วทำเนียบขาวยังไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวว่า ไม่เหมือนกับที่ประเทศไทยนี่คืออิสระเสรีของสื่อฯนี่คือประเทศไทยไม่เหมือนที่อื่น
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึง การบริหารราชการว่า ต้องระมัดระวัง ในการใช้อำนาจ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย นี่คือวิธีการทำงานของเรา มีกระบวนการยุติธรรม มีอำนาจตุลาการ นิติบัญญัติเขาก็มีอำนาจของเขา เราไม่สามารถไปก้าวล่วงได้เราต้องเคารพตรงนี้
เมื่อถามว่า งานอดิเรกจากนี้ไปนอกจากอ่านหนังสือแล้ว จะมีการเขียนหนังสือหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอคิดดูก่อน ขอพักสมองบ้าง เพราะเจอกับหนังสือมา 9 ปีแล้ว
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงเพลงที่ตัวเองแต่งว่า ตนชอบทุกเพลงที่แต่งมา เพราะมีความหมายสำหรับเรา เราไม่ใช่กวี แต่เราทำได้ก็เลยทำ ภาษาไทยเราก็ได้ดีเพราะแม่เป็นครู เวลาประชุมทหารก็มีกลอน มีกวีตลกบ้างอะไรบ้าง แล้วก็ปลุกใจน้องๆทหารเด็กๆ เพราะไม่เช่นนั้นเวลาไปถึงสนามรบแล้วอ่อนแอ จะไม่สามารถสู้รบได้
“เพลงที่ชอบที่สุดคือ เพลงสะพาน เนื่องจากได้แรงบันดาลใจมาจาก การข้ามสายน้ำที่เกรี้ยวกราด Brudge overTrobleled water พร้อมบอกให้สื่อมวลชนหาฟังและฮัมเพลงตาม
ส่วนเพลง “เราจะทำตามสัญญา” ตอนนั้นก็คิดอย่างนั้นจริง ไม่ได้คิดจะมาถึงตอนนี้ ก็รู้ว่าเข้ามาอย่างไร สถานการณ์เป็นอย่างไร ถ้ามันเรียบร้อยฉันก็ไปนานแล้ว ถ้ามันสงบเรียบร้อย ไม่มีปัญหาก็ไม่ได้ตั้งใจอยู่มาถึงขนาดนี้หรอก 4 ปีแรก 4 ปีหลังอย่าลืมว่าเข้ามาด้วยอะไร ไม่ใช่พูดอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมเลิกสักที ต้องไปดูว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่มีการใช้ความรุนแรงต่อกันเป้าหมายฉันมีแค่นั้น”
เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับการตั้งรัฐบาลปรองดอง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มันไม่ใช่รัฐบาลปรองดอง เราต้องปรองดองกันเอง ใครจะไปสั่งให้ปรองดองกันได้ ทุกอย่างจะสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
“ส่วนที่คนบอกว่าตนหวงอำนาจ อำนาจต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ มันเป็นไปตามกลไกการเลือกตั้ง ถามพี่หนูสิ (อนุทิน) ว่าใช้อำนาจอะไร ตนบอกครม.ทุกครั้ง อำนาจต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ดีหรือไม่ดีคือการใช้อำนาจ หากใช้ไม่ถูกก็มีปัญหา ทนพยายามระมัดระวังมาตลอด 9 ปี เราอยู่กับการเมืองมาหลายปีทั้ง 4 ปีแรกและ 4 ปีหลัง เราต้องทำการเมืองที่สร้างสรรค์ ถ้าคนแตกแยกกันมากๆก็อันตราย ถ้าแตกแยกกันเป็นกลุ่มๆมันเดินหน้าไม่ได้ อันตรายกับลูกหลาน แต่วันหน้าอาจจะดีก็ได้ เราพูดมากก็จะกลายเป็นมีอำนาจอะไรหรือเปล่า ตนไม่เคยคิดว่าตนมีอำนาจ”
เมื่อถามว่า อยากจะฝากอะไรต่อรัฐบาลใหม่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องไปฝากนายอนุทิน ต้องไปย้อนดูว่ามันมีอะไรอยู่แล้วบ้าง หลายๆอย่างที่พูดมา มันก็มีอยู่แล้วหลักการกระจายอำนาจก็ต้องไปดูว่ามันมีอยู่แล้ว ซึ่งต้องไปดูกันในสภาฯ ตนไม่มีความเห็น
เมื่อถามว่า มีอะไรจะฝากถึงชาวเน็ตหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฝากความรัก ความคิดถึง ไม่โกรธเคืองใคร ไม่ว่าจะชม จะรัก จะชอบหรือไม่ชอบ แต่คนในโซเชียลจะต้องมีภูมิคุ้มกัน บางทีไม่รู้จักกันแต่ฟังมากๆก็เกลียดตามเขา ต้องมีเหตุผล ไม่อย่างนั้นวันหน้าจะอยู่อย่างไร ถ้าทุกคนบิดเบี้ยวไปหมด กฎหมายอยู่ไหนไม่รู้ อันตรายสำหรับประเทศ พวกเราก็ช่วยกันก็แล้วกัน
“อ่านโซเชียลแล้วจี๊ดทุกเรื่อง แต่ไม่เป็นไร มันเป็นการแสดงความคิดเห็น ซึ่งจากนี้ไปก็คงไม่ดู เพราะที่ผ่านมาทีมงานเป็นคนทำให้ และตนไม่เคยเล่นโซเชียลมีคนทำให้” เมื่อถามว่า มองหน้าผู้สื่อข่าวคนใดแล้วจี๊ดที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จี๊ดทุกคน
เมื่อถามว่า ประทับใจอะไรกับเรือลำนี้ 9 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ความรักคือความรัก ความสำเร็จคือความรักความสามัคคีที่ทำอย่างไรเพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชนและเพื่อสถาบันต่างๆ
พล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้อนถามผู้สื่อข่าว เมื่อถูกถามว่าคิดอย่างไรกับเรือลำใหม่ หวังให้ประเทศชาติเดินหน้า ฉันก็หวังเหมือนกับพวกเธอ ตอบแบบนี้ได้ไหม ถามช้างตอบม้า ก่อนที่จะเรียกเสียงหัวเราะ จากวงรับประทานอาหาร
ส่วนประทับใจอะไรใน 9 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประทับใจการประชุมครม. ทุกสัปดาห์ ที่ทุกคนเห็นชอบร่วมกันในการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติไม่ได้มีไว้เพื่อสืบทอดอำนาจ ขอให้ไปอ่านดู ไม่ใช่ไม่อ่านแล้ววิจารณ์ได้เป็นหน้าๆ
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ยังยอมรับว่า 9 ปีที่ผ่านมา งานคืบหน้าไปได้เกินครึ่ง บางโครงการก็ถึง 80% - 90% อย่างโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณสุข
หลังจากนี้ได้ร่วมถ่ายรูปกับสื่อมวลชน และหยอกล้ออย่างเป็นกันเอง
จากนั้นเวลา 13.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นไปสักการะศาลพระพรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่กับตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนที่จะลงมาพบเอฟซี และข้าราชการที่มารอส่ง การปฏิบัติหน้าที่ในวันสุดท้าย และได้กล่าวว่า อะไรที่ทำให้ไม่สบายใจ ไม่พอใจ ไม่ได้ตั้งใจแบบนั้น ก็ขอให้ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและวิสาหกิจ เข้มแข็งเดินหน้าต่อไป
โดยพล.อ.ประยุทธ์ ร้อง เพลงคำสัญญา ของวงอินโดจีน ร่วมกับนักร้องกรมประชาสัมพันธ์ และเปิดเพลงด้วยรักและผูกพันธ์ จากนั้นข้าราชการได้ร้องเพลงศรัทธา ให้กับพล.อ.ประยุทธ์ อีกด้วย
เวลา 13.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้พบปะกับข้าราชการที่มาร่วมอำลา และได้เดินออกจากตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อไปทักทายกับบรรดาแฟนคลับที่มารอบริเวณข้างสนามหญ้าข้างตึกไทยคู่ฟ้า
ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้หันกลับมามองพร้อมกวาดสายตามองรอบตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมกับยกมือไหว้ และเดินไปทักทายกับประชาชน
พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยหลังทักทายประชาชนว่า รู้สึกดีใจที่หลายคนเข้าใจการทำงานและเราก็ทำทุกอย่าง เพื่อให้พวกเขามาโดยตลอด และก็ต้องทำงานเดินหน้าต่อไปให้ได้
อย่างไรก็ตามก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์ จะขึ้นรถเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล ได้สวมกอดกับ นายพีระพันธุ์ สารัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไป พล.อ.ประยุทธ์ได้เปิดกระจกโบกมือให้กับข้าราชการประจำทำเนียบและบรรดาแฟนคลับตลอดเส้นทาง
พล.อ.ประยุทธ์ กับวันสุดท้ายที่ทำเนียบรัฐบาล