24 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคประชาชาติ ออกแถลงการณ์ กรณีที่มีการกล่าวหาพรรคประชาชาติว่า ไม่มีสาขาพรรค-ตัวแทนพรรค ประจำจังหวัดที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งใน จังหวัดสงขลา 2 เขตและจังหวัดสตูล 2 เขต อาจมีโทษถึงขั้นยุบพรรค นั้น พรรคประชาชาติขอชี้แจงว่า
พรรคประชาชาติ มีตัวแทนประจำจังหวัดสงขลาและจังหวัดสตูลอยู่ครบวาระ 4 ปีแล้ว แต่ข้อบังคับพรรคประชาชาติยังไม่ได้ระบุไว้ว่า ตัวแทนประจำจังหวัดอยู่ครบวาระแล้ว ให้รักษาการไปพรางก่อนได้ จนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ ศาลฎีกาจึงพิพากษาว่า พรรคประชาชาติไม่มีตัวแทนประจำจังหวัดสงขลาและจังหวัดสตูล ทั้ง ๆ ที่พรรคประชาชาติมีตัวแทนประจำจังหวัด และทำตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ กล่าวคือ กรรมการบริหารพรรค ได้มีมติให้ตัวแทนประจำจังหวัดรักษาการต่อไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งได้แจ้ง กกต.ทราบแล้ว (แต่ศาลเห็นว่ากรรมการบริหารไม่มีอำนาจในการให้รักษาการไปก่อนได้) และได้มีการทำไพรมารี โหวตตามกฎหมายแล้ว
จึงมีการรับรองให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ ซึ่งเมื่อคำวินิจฉัยของศาลฎีกาออกมาเช่นนี้ ทำให้หัวหน้าพรรคประชาชาติไม่สามารถออกหนังสือรับรองการส่งผู้สมัครได้ จึงเท่ากับว่าไม่ได้ออกหนังสือรับรองแต่อย่างใด และไม่ใช่เอกสารเท็จ
ส่วนกรณีกล่าวหาว่า "นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา" ลงนามในหนังสือรับรองผู้สมัคร 4 ราย ไปสมัครรับเลือกตั้ง ทั้ง ๆ ที่ทำไพรมารี โหวตอย่างถูกต้อง จึงเข้าข่ายกระทำความผิดชัดเจนฐานรับรองเอกสารเท็จนั้น ขอชี้แจงว่าหัวหน้าพรรคไม่มีหน้าที่ในการตรวจสอบคุณผู้สมัครรับการเลือกตั้ง หน้าที่การตรวจสอบคุณสมบัติเป็นหน้าที่ของผู้สมัครเองและเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหา ผู้สมัครตามพ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ. 2560
หัวหน้าพรรคการเมืองมีหน้าที่ออกหนังสือรับรองตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 หากหัวหน้าพรรคไม่รับรอง ก็ไม่สามารถลงสมัครเลือกตั้งได้ หัวหน้าพรรคจึงไม่ได้ออกหนังสือรับรองเป็นเท็จ และเชื่อมั่นโดยสุจริตว่า ถูกต้องตามข้อบังกับพรรคและถูกต้อง
ตามกฎหมาย ประกอบกับการวินิจฉัยของศาลฎีกาเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2566 ที่ว่าพรรคประชาชาติไม่มีตัวแทนประจำจังหวัด มีผลให้หัวหน้าพรรคไม่สามารถออกหนังสือรับรองได้