13 สิงหาคม 2566 เรียกได้ว่าโหมหนักชนิดรัวๆกันไปเลยทีเดียวสำหรับ "พรรคเพื่อไทย" ที่ได้รับสิทธิเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทำการรวบรวมจำนวนเสียงจากพรรคการเมืองทั้ง"ฝ่ายอนุรักษ์นิยม" และ"ฝ่ายเสรีนิยม"
จนถึงขณะนี้ "นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว" หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาการันตี ได้จำนวนเสียงเกินครึ่งของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 500 คน แล้ว ซึ่งภารกิจนับจากนี้ ยังคงขอความร่วมมือจากวุฒิสภา ให้ผ่านความเห็นชอบ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคเพื่อไทย เตรียมเสนอ ชื่อ "นายเศรษฐา ทวีสิน" ในการประชุมรัฐสภาวันที่ 22 สิงหาคมนี้
"พรรคเพื่อไทย" มั่นใจ ว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนจากที่ประชุมรัฐสภาโหวตสนับสนุน แคนดิเดตนายกฯจากพรรคเพื่อไทย จึงมองข้ามช็อตไปถึงการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี และโหมโฆษณา บรรดานโยบายที่เคยหาเสียง นำกลับมาประชาสัมพันธ์อีกครั้ง
โดยล่าสุด เพจพรรคเพื่อไทย ได้เผยแพร่ข้อความ เน้นไปที่ความเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลลุยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชนในด้านต่างๆอย่างต่อเนื่อง
โดยระบุว่า "พรรคเพื่อไทย"ในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล มุ่งมั่นที่จะเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ แก้วิกฤตปัญหาให้พี่น้องประชาชน
"ปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไข พรรคเพื่อไทยมีแนวทางในการปรับลดราคาพลังงาน น้ำมัน ไฟฟ้าและก๊าช เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้ประชาชน"
ตามมาด้วยข้อความ ภาระหนี้สินเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรและกลุ่มผู้ประกอบการ SME เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวจึงจะต้องมีหนทางในการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน พรรคเพื่อไทยมีแนวทางในการพักหนี้เกษตรกร 3 ปีทั้งต้น ทั้งดอก เพื่อลดภาระและเปิดโอกาสใหม่ให้พี่น้องเกษตรกรในการทำมาหากิน พลิกฟื้นภาคการเกษตรของไทย ด้วยหลัก ‘ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้’ รวมทั้งการผลักดันการพักชำระหนี้ SME ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด (รหัส 21) 1 ปี คู่ขนานไปกับการปรับโครงสร้างหนี้แบบเฉพาะเจาะจง พร้อมต่อยอดด้วยชุดนโยบายของพรรคต่อไป
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 12.00 น. "นายภูมิธรรม เวชยชัย" รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจพรรคเพื่อไทยเช่นกัน โดยระบุว่า
"เพื่อไทยมีต้นทุนสูง และถือเป็นความรับผิดชอบ ที่เราต้องช่วยกันนำความรักความสมานฉันท์ ของคนทุกรุ่น รวบรวมเป็นกำลังของบ้านเมือง เพื่อฟื้นฟูประเทศในหลายด้านโดยเฉพาะ ปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องใหญ่"
อย่างไรก็ตาม การโหมข้อความของพรรคเพื่อไทยทำนองว่า เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องใหญ่ กำลังถูกตีความไปอีกด้านว่า พรรคเพื่อไทย มีความจำเป็นต้องจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงสำคัญทางเศรษฐกิจไว้ก่อน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารงานตามนโยบายในฐานะพรรคแกนนำ
ท่ามกลางกระแสข่าว การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีในพรรคร่วมขณะนี้ "พรรครวมไทยสร้างชาติ" ต่อรองหนัก เพื่อขอ"กระทรวงพลังงาน" และ "กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม" หรือ กระทรวงดีอีเอส ซึ่ง"พรรครวมไทยสร้างชาติ"มีนโยบายแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจสวนทางกับพรรคเพื่อไทย ทำให้ "พรรคเพื่อไทย" เริ่มอึดอัด จึงได้ชิงตัดหน้าออกมาประกาศนโยบายของ"พรรคเพื่อไทยไปเลยว่า เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วจะดำเนินการลดค่าน้ำค่าไฟทันที