
9 สิงหาคม 2566 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ระบุว่า ตามรัฐธรรมนูญ หากพรรคก้าวไกลเป็นผู้นำฝ่ายค้าน นายปดิพัทธ์ จะต้องลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ ว่า สิ่งที่นายวิษณุพูด ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเหตุใดรัฐธรรมนูญ 60จึงเขียนแบบนี้ และตนก็ก็ไม่ทราบเจตนารมณ์ ซึ่งประเทศอื่นก็ไม่ได้ห้ามเอาไว้ แต่ก็แน่นอนว่า ในรัฐธรรมนูญได้บันทึกเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจน
แล้วแต่พรรค จะเลือกตำแหน่งอะไร
ส่วนพรรคก้าวไกล ก็คงต้องหารือกันเอง เพราะกลายเป็นว่า จะต้องเลือกตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เนื่องจากตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จะต้องไม่มีสมาชิกพรรคที่มีตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี, ประธานสภาฯ, และรองประธานสภาฯ ซึ่งถือว่าเป็นกิจการภายในของพรรค ตนไม่ขอก้าวล่วง และไม่ทราบรายละเอียดว่า มีการหารือกันหรือยัง เนื่องจากตนไม่ได้เข้าประชุมพรรค และเป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรค เพราะตนได้ลาออกมาจากรรมการบริหารพรรคแล้ว
ไม่เสียดาย พร้อมทำหน้าที่ในทุกบทบาท
เมื่อถามว่า มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ตนพร้อมในทุกบทบาท แต่ตอนนี้ตนยังเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรอยู่ ก็ได้ทำตามที่ประกาศวิสัยทัศน์เอาไว้ให้เรียบร้อย ทั้ง Smart และ Open parliament และไม่ได้เสียดาย หากไม่ได้เป็นรองประธานสภาฯ ก็ยังมีบทบาทของสส. และกรรมาธิการฯ ที่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มภาคภูมิเช่นกัน ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไร
เลือกรองประธานสภาฯ-ผู้นำฝ่ายค้าน ถึงเวลาค่อยคุยกัน
เมื่อถามว่า กรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ หากรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จะมีเงื่อนไขอย่างไรนั้น นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เพราะเรื่องของนายพิธา ก็พบว่ามีความไม่แน่นอนสูงของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ และให้ถึงเวลานั้นก่อนค่อยคุยกัน
ไม่ตอบเปลี่ยนหัวหน้าพรรค
เมื่อถามว่า มีโอกาสเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค เพื่อรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ
พร้อมทำสภาฯให้เป็นของประชาชน ตามที่ตั้งใจ
เมื่อถามว่า หากต้องออกตามรัฐธรรมนูญแล้วจะทำให้สภาฯ เป็นสภาฯของประชาชน อย่างที่ตั้งใจไว้ได้อย่างไร นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ตนจะไปผลักดันต่อในคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร และมองว่า ข้อเสนอหลายอย่าง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็เห็นด้วย และตรงกับวิสัยทัศน์ของเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรอยู่แล้ว จึงคิดว่าสิ่งที่ตนเสนอสามารถไปต่อได้
โฟกัสงานตัวเอง
เมื่อถามย้ำว่า ตั้งหลักอย่างไร เมื่อเพื่อไทยไปเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ขอโฟกัสที่งานของตัวเอง และย้ำว่าไม่มีความเสียใจ แม้จะตั้งความหวังในการทำหน้าที่นี้ไว้มาก รับได้หมด
รัฐธรรมนูญ 60 ต้องแก้
เมื่อถามว่า ปมที่เกิดขึ้นของรัฐธรรมนูญ จะต้องแก้ไขด้วยหรือไม่ “ผมคิดว่า รัฐธรรมนูญ 60 จะเอากี่ปม มีปมเยอะไปหมด เพราะฉะนั้นกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยคนที่มาจากประชาชนจริงๆ และเข้าใจกระบวนการ ว่าประเทศเราควรจะไปอย่างไร สร้างรัฐสภาแบบไหน ซึ่งไม่ใช่มีเฉพาะปมนี้ แต่ยังมีปมให้สว.แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ที่เป็นปัญหามาก ซึ่งฝ่ายที่เครียดคงไม่ใช่ผม แต่ฝ่ายที่เครียดคือแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลขณะนี้ และประชาชนที่จับตาดูอยู่ เลยคิดว่ามีหลายปมมาก ที่ต้องแก้ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้” นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า
ไม่มีความเห็น เพื่อไทยกลับมาง้อ
เมื่อถามว่า ยังหวังหรือไม่ว่า พรรคเพื่อไทยจะกลับมาง้อขอร่วมรัฐบาล นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็น และเป็นงานของฝ่ายเจรจาที่จะไปเจรจากันเอง
เป็นคนนอกวงเจรจา
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมขอโทษและขอขมาพรรคก้าวไกล เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้นั้น นายปดิพัทธ์ กล่าวย้ำว่า ทุกอย่างเป็นเรื่องของทีมเจรจา ซึ่งตนเป็นคนวงนอกมากๆ ก็ขอทำงานของตัวเอง หากมี 1 วัน ก็ทำ 1 วัน หากที 4 ปีก็ทำ 4 ปี ตนไม่ได้คิดอะไร และคิดว่าตอนนี้หลายอย่างก็ผลักดันได้เร็วกว่าที่คิด ดังนั้นก็ยังทำงานเต็มที่ ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็ตาม
“แต่ก็รู้สึกแปลกๆ ที่พรรคอันดับ 1 ชนะการเลือกตั้ง เสียงอันดับ 1 ไม่ได้เป็น แกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่ได้เป็นประธานสภาฯ ไม่ได้เป็นรองประธานสภาฯ และคิดว่าความแปลกพวกนี้เกิดจากรัฐธรรมนูญปี 60 กับการสืบทอดอำนาจของคสช. ซึ่งคิดว่าอย่าไปคิดเป็นสาระที่จะต้องยึดเอาไว้” นายปดิพัทธ์ กล่าว
พรรคตัดสินใจไม่พลาด ทีมเจรจาทำดีที่สุดในตอนนั้น
เมื่อถามว่า รู้สึกว่าพรรคก้าวไกลพลาดตั้งแต่ต้น ที่ปล่อยตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้กับพรรคอื่นหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรพลาด ทุกอย่างเป็นการเจรจาที่ดีที่สุดในตอนนั้น
ทั้งนี้อยากบอกกับประชาชนว่า การเมืองตอนนี้ หลายท่านก็เครียด เพราะมีการเปลี่ยนแปลงรายวัน ก็อยากให้ติดตามการเมืองและเชื่อใจว่ากระบวนการต่างๆเดินหน้าได้ พรรคที่แต่ละท่านเลือกมา ก็ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ขอให้ประชาชนจับตาดูและตัดสินไม่ต้องเครียดมาก เพราะยังมีเรื่องใหญ่ๆอีกมาก และหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อยกร่างใหม่ก็ต้องมีการทำประชามติหลายรอบ จะต้องมีเรื่องการตั้งสสร. จึงเป็นสิ่งที่ตื่นเต้นที่จะต้องทำร่วมกับประชาชนอีกมาก