เปิดจักรวาล “กลุ่มทะลุวัง” เจาะที่มา "แกนนำ" กว่าจะถึงวันนี้

หลังปรากฎภาพพฤติกรรมของ “กลุ่มทะลุวัง” บุกไปที่ทำการพรรคเพื่อไทย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการแถลงจัดตั้งรัฐบาล ของแกนนำพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย  เพราะการแสดงออกของแกนนำกลุ่ม ที่มีทั้งการใช้ถ้อยคำหยาบคาย ด่าทอ โต้เถียง ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว โปรยกระดาษข้อความ ชูป้ายเรียกร้อง ฉีดแอลกอฮอล์หน้าพรรค และยังมีการพ่นสเปรย์สีดำเป็นข้อความส่งถึงแกนนำพรรคเพื่อไทย ขว้างพลุสี  ไล่ทุบรถ-ขวางรถ ไปจนเกิดการปะทะกันระหว่างแกนนำกลุ่มผุ้ชุมนุมกับตำรวจ และผู้สื่อข่าวภาคสนาม

ทำให้หลายฝ่ายออกมาติงและตั้งคำถามว่า นี่กำลังเป็นการการแสดงออกที่ “ล้ำเส้น” เริ่มไม่อยู่ในขอบเขตการเรียกร้อง และไม่อยู่ในแนวทางที่เหมาะสม...หรือไม่

เริ่มรวมตัวครั้งแรก ชูสามนิ้ว-ถือป้ายวงเวียนใหญ่

หากย้อนไปดูที่มาที่ไปของ "กลุ่มทะลุวัง" จะพบว่ากลุ่มนี้เริ่มมีการรวมตั้งกลุ่มเพจที่ชื่อว่า “ทะลุวัง” ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก มีการโพส จัดให้มีกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ และแสดงวัตถุประสงค์ของกลุ่มชัดเจนตั้งแต่วันที่เริ่มก่อตั้ง

กิจกรรมแรก เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2564 มีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ครั้งแรกด้วยการชูสามนิ้ว และถือป้ายยกเลิกมาตรา 112 ที่บริเวณวงเวียนใหญ่ โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมตอนแรก มีเพียง 5 คน คือ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ (ตะวัน) อายุ 20 ปี  , นายสายน้ำ เยาวชนอายุ 17 ปี  ,  น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ (ใบปอ) อายุ 20 ปี  ,  นายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร (แฟรงค์) อายุ 21 ปี และ นายปรัชญา บูรณศิริศักดิ์ อายุ 28 ปี

โดยตำรวจได้ดำเนินคดีกับ นายสายน้ำ ,  น.ส.ณัฐนิช และ น.ส.ทานตะวัน  ในข้อหา “ส่งเสียงดังหรือกระทำการอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันควร” เสียค่าปรับ คนละ 1,000 บาท

หลังจากนั้นก็ได้เริ่มก่อตัวกลุ่มเรื่อยๆมา จนกระทั่งมีการตั้งกลุ่มทางเฟซบุ๊ก ชื่อเพจ “ทะลุวัง” เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2565 มีเนื้อหาหลักเป็นการโจมตี ปฏิรูป การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ 

เกิดปัญหาแนวคิดไม่ตรงกัน แยกตัวบางส่วน

กระทั่งวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 น.ส.ทานตะวัน แยกตัวออกจากกลุ่มทะลุวัง และ นายสายน้ำ ได้ประกาศออกจากกลุ่มทะลุวัง เนื่องจากมีปัญหาทะเลาะกันภายในกลุ่ม ก่อนที่จะมีการตั้งกลุ่มใหม่ชื่อว่า “มังกรปฏิวัติ” ทำกิจกรรมในลักษณะเดิม คือ แสดงออกทางสัญลักษณ์ในแนวคิดทางการเมือง และการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์

ปี 2566 รวมตัวอีกครั้ง ภายใต้สมาชิกหลัก 5 คน

เดือน มิถุนายน 2566 กลุ่มทะลุวังได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง โดยมีสมาชิกหลัก 5 คน แต่คราวนี้ แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีคดีติดตัว  โดยเริ่มจาก 1.น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ (ใบปอ) พบว่าเคยต้องโทษคดีอาญา สน.ปทุมวัน ข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112

 2.น.ส.สุพิชฌาย์ ชัยลอม (เมนู) เคยต้องโทษคดีอาญา ที่่ สภ.หาดใหญ่ ข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรืออาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 12 วันที่ 30 พ.ย. 2564

3.น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม (บุ้ง) เคยต้องโทษคดีอาญา สภ.เมืองนนทบุรี ข้อหาบุกรุกฯ และคดีอาญา สน.ปทุมวัน ข้อหา ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่กระทำการภายในมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญฯ

4.นายณัฐกรณ์ ชูเสนาะ (บีม) เคยต้องโทษคดีอาญา สน.ปทุมวัน ข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรืออาฆาต มาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112 และคดีอาญา สน.สำราญราษฎร์ ข้อหา ขูด กะเทาะ ขีด เขียน พ่นสี หรือ ทำให้ปรากฎด้วยประการใด ๆ ซึ่งข้อความ ภาพ หรือรูปรอยใดๆ ที่กำแพงที่ติดกับถนน บนถนน ที่ต้นไม้ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารที่อยู่ติดกับถนนหรืออยู่ในสาธารณะ , คดีอาญา สน.ปทุมวัน ข้อหาโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยมิได้รับอนุญาต,คดีอาญา สน.สำราญราษฎร์ ข้อหา ตั้ง วาง หรือกองวัตถุใด ๆ บนถนนฯ และคดีอาญา สน.ปทุมวัน ข้อหา ร่วมกันกระทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนฯ

5.นายปรัชญา บูรณะศิริศักดิ์ จากประวัติเคยถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัว ขณะนั้นเป็นแกนนำในการประท้วงต่อต้านการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2557

จนกระทั่งล่าสุด พบว่ากลุ่มทะลุวังสมาชิกเพิ่มขึ้นจากเดิม 5 คน เป็น 14 คน ประกอบด้วย น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ , น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ , น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม , นายสายน้ำ (เยาวชนชาย) , นายคฑาธร ดาป้อม , น.ส.หยก (เยาวชนหญิง) , นายธีรภัทร ระดับแก้ว , น.ส.วิชญาพร ตุงคะเสน , นายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร , นายรณกร ห้างชัยเจริญ , น.ส.สุพิชฌา ชัยลอม (ปัจจุบันลี้ภัยอยู่ที่ประเทศแคนาดา) , นายสิทธิชัย ปราศรัย , นายจิรภาส กอรัมย์ และนายณัฐพล เหล็กแย้ม (สามคนนี้อยู่ในกลุ่มทะลุแก๊ส)

ข้อมูลของทางตำรวจ ระบุว่า จำนวนสมาชิก 14 คนนั้น อาจจะมีเพิ่มขึ้น 18-19 คน ซึ่งสมาชิกบางคนเป็นไปในลักษณะ หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไปเรื่อย ๆ โดยส่วนใหญ่สมาชิกจะเน้นในกลุ่มเด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ที่รับเอาแนวคิด และการสนับสนุนจากผู้อยู่เบื้องหลัง โดยมุ่งเน้นทำกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงพรรคการเมือง และประเด็นการแก้กฎหมาย มาตรา 112 ในสภาวะที่สถานการณ์การเมืองยังไม่เข้าสู่สภาวะปกติ