
"สิทธิ" หมายถึง อำนาจที่จะกระทำการใดๆ ได้อย่างเป็นอิสระ โดยได้รับการรับรองจากกฎหมาย
"เสรีภาพ" หมายถึง สิทธิที่จะทำโดยไม่ละเมิดผู้อื่น
แต่จากเหตุการณ์ "กลุ่มทะลุวัง" ได้บุกที่ทำการพรรคเพื่อไทย ภายหลังการแถลงข่าวจับมือตั้งรัฐาลระหว่าง พรรคเพื่อไทย และ พรรคภูมิใจไทย วานนี้ (7ส.ค.) จนนำไปสู่เรื่องราวบานปลาย ทั้งกลุ่มผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมไปถึงสื่อมวลชน ซึ่งได้รับบาดเจ็บ จากการได้รับลูกหลงของเหตุปะทะ แม้จะไม่ถึงขั้นนองเลือดก็ตาม
กลุ่มผู้ชุมนุมภายใต้ชื่อ "ทะลุวัง" ที่ได้ทำบุกพรรคเพื่อไทย รวมทั้งสิ้น 12 คน พบว่าเป็นเยาวชน 1 คน โดยเยาวชนรายนี้ เคยปรากฏเป็นข่าวใหญ่ ถึงพฤติกรรมช่วงเปิดเทอมที่ผ่านมา
เมื่อกางรายชื่อพบว่าส่วนใหญ่แล้ว เคยบุกไปยังกระทรวงวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกับทำกิจกรรมที่ผิดต่อกฎหมาย
โดยรัฐธรรมนูญ 2560 หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย มาตรา 25 บัญญัติไว้ ซึ่งสรุปใจความได้ว่า
แน่นอนว่าจาก 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของกลุ่มทะลุวัง ยังเข้าข่ายฐานกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา หลายองค์ประกอบด้วยกัน คือ โดยมีบทกำหนดโทษแตกต่างกัน
มาตรา 358
-ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 362
-ผู้ใดเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุข ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท
มาตรา 364
-ผู้ใดโดยไม่มีเหตุอันสมควรเข้าไป หรือ ซ่อนตัวอยู่ในเคหสถาน อาคารเก็บรักษาทรัพย์ หรือสานักงานในความครอบครองของผู้อื่น หรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่เช่นว่านั้น เมื่อผู้มีสิทธิที่จะห้ามมิให้เข้าไปได้ไล่ให้ออก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ จากการกระทำวานนี้ ยังขัดคำสั่ง หัวหน้า คสช. ที่ 27/2559 เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ฯ
โดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) 2557 มาตรา 44 ซึ่งหากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับ ไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
ขณะเดียวกัน มีคำถามหากกรณีผู้กระทำความผิดคดีอาญายังอยู่ในสถานะเยาวชนนั้น โดยประมวลกฎหมายอาญา ได้จำแนกและบัญญัติไว้ดังนี้
มาตรา 75
-ผู้ใดอายุ 15 ปี แต่ต่ำกว่า 18 ปี ให้ศาลพิจารณาถึงความรู้ผิดชอบและสิ่งอื่นทั้งปวงเกี่ยวกับผู้นั้น ในอันที่จะควรวินิจฉัยว่าสมควรพิพากษาลงโทษผู้นั้นหรือไม่ ถ้าเห็นสมควรพิพากษาลงโทษ ก็ให้ลดโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดลงกึ่งหนึ่ง หรือถ้าเห็นว่าไม่สมควรลงโทษก็ให้จัดการตาม มาตรา 74
โดยมาตรา 74 บัญญัติ ว่า เด็กอายุ 12 ปี แต่ยังไม่เกิน 15 ปี กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ แต่ให้ศาลมีอำนาจที่จะดำเนินการ ดังนี้
1.ว่ากล่าวตักเตือนเด็กและปล่อยตัว หรือจะเรียกบิดา มารดา ผู้ปกครองมาตักเตือนด้วยก็ได้
2.วางข้อกำหนดให้บิดา มารดา ผู้ปกครอง ระวังไม่ให้เด็กก่อเหตุตามเวลาที่ศาลกำหนดไม่เกิน 3 ปี แต่ถ้าทำอีกจะต้องชำระต่อศาลไม่เกินครั้งละ 10,000 บาท
3.ส่งตัวเด็กไปยังสถานศึกษา หรือสถานฝึกและอบรม หรือสถานแนะนำทางจิตซึ่งตั้งขึ้นเพื่อฝึกและอบรมเด็ก แต่ไม่ให้เกินอายุ 18 ปี
ทั้งหมดเป็นเพียงฐานความผิดเบื้องต้น ที่ต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์ แม้จะเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพ ตามที่ตนเข้าใจ แต่กลับไม่อยู่ในครรลองของกฎหมาย