
20 กรกฎาคม 2566 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีตผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีที่ประชุมร่วมรัฐสภา เสียงข้างมากมีมติไม่เห็นชอบให้เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีสิทธิ์โหวตนายกรัฐมนตรี รอบ 2 เนื่องจากเห็นว่าเป็นการเสนอญัตติซ้ำ ผิดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 41 พร้อมชี้แจงว่า ถ้าไม่อยากให้ข้อ 41 กลายเป็นค้อนทุบ 8 พรรคการเมือง ประธานรัฐสภาต้องกล้าหาญนำข้อยกเว้นตอนท้ายของข้อ 41 มาใช้ โดยในการประชุมรัฐสภา (19 ก.ค.) ประธานรัฐสภาไม่ยอมใช้อำนาจวินิจฉัยว่า การให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ “ญัตติ” จึงไม่อยู่ภายใต้บังคับข้อ 41
ทั้ง ๆ ที่ มีความเห็นของนักกฎหมายจำนวนมาก และความเห็นของฝ่ายกฎหมายประจำสภาผู้แทนราษฎร เป็น “หลังพิง” ให้ แต่กลับยอมให้ ส.ส.จากฝั่ง 188 เสนอให้ลงคะแนนว่า การให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรี เป็นญัตติ จึงไม่อาจเสนอญัตติซ้ำได้ในสมัยประชุมเดียวกัน ผลที่ออกมา ก็คือ สว.และ สส. ฝั่ง 188 ร่วมกันลากไป จนทำให้เป็นญัตติ ไม่สามารถเสนอนายกฯชื่อซ้ำได้
นายปิยบุตร ระบุอีกว่า ล่าสุด ประธานรัฐสภา พึ่งให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมครั้งหน้า 27 ก.ค. จะเสนอชื่อพิธา ไม่ได้แล้ว ในเมื่อถูกลากกันไปเป็น “ญัตติ” แล้ว หวังว่า ในการประชุมสัปดาห์หน้า ประธานรัฐสภา จะกล้าหาญใช้อำนาจของตนเอง นำข้อยกเว้นที่บัญญัติในตอนท้ายของข้อ 41 มาใช้ เพื่อวินิจฉัยว่า มีกรณี “เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป” ทำให้ประธานรัฐสภาสามารถเสนอญัตติที่มีหลักการอย่างเดียวกัน เข้ามาใหม่ได้ในสมัยประชุมเดียวกัน
ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เพื่อพิธา แต่เพื่อป้องกันมิให้ สว.+ สส.188 คน เอาข้อ 41 มากดดันให้ 8 พรรคแตก ด้วยการขู่ว่า แม้เปลี่ยนเป็นแคนดิเดตฯ เพื่อไทย แต่ถ้ามี ก้าวไกล ร่วมรัฐบาล ร่วมใน 8 พรรค ก็จะไม่โหวตให้ แล้วพวกเขาก็จะรวมหัวโหวตคว่ำเรื่อย ๆ เป็นญัตติซ้ำเรื่อย ๆ จนรายชื่อแคนดิเดตนายกฯฝั่ง 8 พรรค หมดสต๊อก จนบีบให้ “8 พรรค” แตก และพรรคก้าวไกลต้องถูกเตะไปเป็นฝ่ายค้าน ชะตากรรมของ “8 พรรค” รัฐบาลในฝันของประชาชนร่วม 27 ล้านคน อยู่ในมือของประธานรัฐสภา