
จนกระทั่งล่าสุด คนใกล้ชิดของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ออกมายอมรับว่า มีการบินไปที่ลังกาวีจริงแต่ไม่ได้ไปพบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯรัฐมนตรี
สรุปประเด็นคำชี้แจงของคนใกล้ชิด "บิ๊กแดง" ได้ดังนี้
1.เดินทางไปไปเกาะลังกาวีจริง เมื่อวันที่ 5-7 พ.ค.66 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเลือกตั้ง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องในทางการเมือง และไม่ได้ไปพบนายทักษิณ
2.เป็นการไปพบปะแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่มีการนัดหมายไว้
3.เปิดช่องทางสื่อสารอีกทางหนึ่ง เพื่อคลี่คลายปัญหา และสนับสนุนให้การพูดคุยเดินหน้าไปได้ด้วยดี เพราะการดำเนินการของคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ชะลอออกไป เนื่องจากทางกลุ่มขบวนการรอให้ฝั่งไทยมีรัฐบาลใหม่ก่อน
4.พล.อ.อภิรัชต์ สนใจปัญหาไฟใต้ตั้งแต่เป็นพันเอก และมีสายข่าวอยู่ เคยเดินทางไปอาเจะห์ ศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหา มีคอนเนคชั่นส่วนตัว
5.พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ติดตามการแก้ปัญหาชายแดนใต้มาตลอด และทำงานร่วมกับ พล.อ.อภิรัชต์
ไม่รู้ว่าเป็นตลกร้ายหรือไม่ เพราะทันทีที่ “คนใกล้ชิดบิ๊กแดง” บอกว่า ท่านอดีต ผบ.ทบ.คนดัง ต้องเดินทางไปลังกาวี เพื่อช่วยเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบ คลี่คลายปัญหาไฟใต้ เนื่องจากกระบวนการพูดคุยของคณะพูดคุยฯไม่คืบหน้า เพราะฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบรอให้ฝั่งไทยมีรัฐบาลใหม่ก่อนนั้น
ปรากฏว่า วันนี้พอดี พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ ของรัฐบาล ได้เปิดวงประชุมกับคณะประสานงานระดับพื้นที่ ที่โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เดินหน้ากระบวนการพูดคุยต่อเนื่อง โดยมีตัวแทนฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างคึกคัก
พล.อ.วัลลภ ยังให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลได้กำหนดกรอบนโยบายการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้ชัดเจนทุกระดับ โดยจัดเป็นนโยบายระดับชาติที่ภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องพร้อมบูรณาการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะรัฐบาลไหนก็ต้องพัฒนาการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในพื้นที่ ให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วม เช่นเดียวกับการจัดทำแผนปฎิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม หรือ JCPP ซึ่งเป็นประเด็นที่ตกลงกับฝ่ายบีอาร์เอ็นบนโต๊ะพูดคุย ก็ต้องมีการสานต่อ เพื่อบรรลุฉันทามติในการยุติความขัดแย้ง และนำไปสู่สันติสุขที่ถาวรในพื้นที่ต่อไป
“เนชั่นทีวี” ตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง พบว่า “เกาะลังกาวี” มีส่วนเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของไทยในการแก้ไขปัญหาไฟใต้จริงๆ เพราะเคยเป็นสถานที่ “พูดคุยเจรจาดับไฟใต้” เกือบประสบความสำเร็จ เมื่อปี 2548-2549 ในรัฐบาลอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ช่วงที่ไฟใต้ปะทุขึ้นมาใหม่ช่วงปีแรกๆ (หลังปล้นปืนครั้งมโหฬาร 413 กระบอก เมื่อปี 2547)
คนกลางในการเจรจา คือ ดร.มหาธีร์ โมฮาหมัด ซึ่งขณะนั้นเพิ่งลงจากตำแหน่งนายกฯของมาเลเซียสมัยแรกได้ไม่นาน และเป็นช่วงรัฐบาลทักษิณ ซึ่งไฟใต้เป็นปัญหาความมั่นคงใหญ่ที่สุดในช่วงนั้น
การเจรจาที่ลังกาวี สื่อมวลชนที่ทราบข่าวเรียกขานกันว่า “ดีลลับลังกาวี” หรือ “เจรจาลับดับไฟใต้ที่ลังกาวี” กล่าวได้ว่า ดร.มหาธีร์ โมฮาหมัด เป็น "โต้โผใหญ่" ตัวจริง และ “เกาะลังกาวี” ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ ในทะเลอันดามัน อยู่ในเขตของรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย ห่างจากเกาะตะรุเตา จังหวัดสตูลของไทยเพียงแค่ 4 กิโลเมตร เป็นบ้านเกิดของ ดร.มหาธีร์
การเจรจาในเวลานั้น ดร.มหาธีร์ ยังมีบารมีสูงมาก สามารถระดมแกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ซึ่งพำนักอยู่ในมาเลเซีย มารวมตัวพูดคุยเจรจาได้ทั้งหมด โดยตัวแทนฝ่ายไทย คือ พล.อ.ไวพจน์ ศรีนวล อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และอดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม
ฝ่ายขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่เข้าร่วมเจรจา นำโดย ดร.วันกาเดร์ เจ๊ะมัน ประธานกลุ่มเบอร์ซาตู พร้อมด้วยแกนนำอีกหลายกลุ่ม
แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเกือบ 20 ปีแล้ว ปัจจุบัน ดร.มหาธีร์ ไม่มีบารมีแบบนั้นแล้ว ล่าสุดแพ้เลือกตั้งอย่างหมดรูปในบ้านเกิดของตัวเอง ในวัยกว่า 90 ปี หลังจากลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรอบ 2 เมื่อปี 2563
ขณะที่แกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ร่วมเจรจา และจัดทำ “ข้อตกลงสันติภาพ” ในครั้งนั้น ก็เสียชีวิตไปแล้วหลายคน โดยเฉพาะ ดร.วันกาเดร์ เจ๊ะมัน ประธานใหญ่ ก็เสียชีวิตไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2565 จึงไม่แน่ชัดว่า กลุ่ม “บิ๊กแดง” ไปเจรจากับใคร
ที่สำคัญ กลุ่มก่อความไม่สงบที่มีอิทธิพลสูงสุดต่อสถานการณ์ไฟใต้ในรอบ 2 ทศวรรษมานี้ คือ ขบวนการบีอาร์เอ็น ไม่ใช่กลุ่มอื่น และขบวนการนี้ เป็น “องค์กรลับ” ไม่ได้เปิดตัวต่อสาธารณะ การพบปะพูดคุยกับฝ่ายไทย ต้องได้รับฉันทานุมัติจากแกนนำกลุ่ม จึงเป็นเรื่องยากที่จะเปิดการเจรจากับฝ่ายไทยผ่านช่องทางอื่นที่ไม่ใช่โต๊ะพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ ที่ตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ และบีอาร์เอ็นได้ประโยชน์จากโต๊ะพูดคุยฯแบบเปิดเผย จึงพยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุยในทางลับ ยกเว้นว่า “บิ๊กแดง” ไปคุยกับกลุ่มอื่น เช่น พูโล ซึ่งคุยกับเจ้าหน้าที่ไทยแทบทุกระดับ แม้แต่ “เนชั่นทีวี” ยังเคยสัมภาษณ์สดมาแล้ว แต่กลุ่มเหล่านี้ไม่ได้มีผลต่อสถานการณ์ไฟใต้ในปัจจุบันเลย
ฉะนั้นจึงน่าคิดว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่บุคคลสำคัญระดับ “บิ๊กแดง” จะไปคุยกับแกนนำกลุ่มขบวนการที่ไม่ได้มีผลต่อสถานการณ์ไฟใต้โดยตรง