เส้นทาง "เสี่ยจ้อน" ลุ้นรอบ 2 ชิงดำผู้นำ ปชป.
"อลงกรณ์ พลบุตร" อดีต ส.ส.เพชรบุรี และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นับเป็น ส.ส.สายประชาธิปไตยคนหนึ่งซึ่งมีสปิริตสูง และแสดงตัวตนสอดคล้องกับประเพณีประชาธิปไตยสากลอย่างต่อเนื่อง
อย่างเช่น ในคราวที่พ่ายแพ้เลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา "อลงกรณ์" ก็ส่งไลน์ไปยังสื่อมวลชนแขนงต่างๆ แสดงการยอมรับความพ่ายแพ้ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ หลังจากคะแนนทิ้งห่างผู้นำไม่เห็นฝุ่น (ขณะที่ผู้นำประเทศบางคน จนป่านนี้ยังไม่เคยประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ และอยู่เหมือนรอส้มหล่น)
"อลงกรณ์" เป็นหัวหน้าทีมเพชรบุรีของประชาธิปัตย์ ตอนแรกก็ทำท่าจะมาดี ดวงเฮง จับสลากได้เบอร์ 7 ทั้ง 3 เขต ทำให้หาเสียงง่าย แต่เมื่อถึงวันหย่อนบัตรจริงๆ ผลการเลือกตั้งที่ออกมาปรากฏว่า ผู้สมัครของพรรค รวมถึงตัวคุณอลงกรณ์เอง ไม่ติดอันดับ 1 ใน 3 ทั้ง 3 เขต โดยเสียเก้าอี้ให้กับผู้สมัครของพรรครวมไทยสร้างชาติ 2 เขต และภูมิใจไทย 1 เขต
"อลงกรณ์" มีชื่อเล่นว่า "จ้อน" เคยเป็น ส.ส.ถึง 5 สมัย ทั้ง ส.ส.เขต และบัญชีรายชื่อ เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาล "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" อยู่ในแวดวงการเมืองมานานกว่า 30 ปี โดยก่อนเล่นการเมือง ยังเคยเป็นสื่อมวลชน เคยทำข่าวที่หนังสือพิมพ์บ้านเมือง หนังสือพิมพ์แนวหน้า และผลิตรายการให้กับสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5
เมื่อครั้งทำงานสภาในฐานะ ส.ส. มีบทบาทในการตรวจสอบฝ่ายบริหารอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะในยุครัฐบาลไทยรักไทย กระทั่งได้รับการยกย่องเป็น "ดาวเด่นประจำรัฐสภา" เจ้าของฉายา "มือปราบรัฐสภา" เคยตรวจสอบทุจริตในโครงการเช่าซอฟต์แวร์ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการทุจริตในสนามบินหนองงูเห่า ซึ่งภายหลังคือท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
"อลงกรณ์" เคยลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ หลัง คสช.เข้าควบคุมอำนาจการปกครองเมื่อปี 2557 เพื่อเข้ารับตำแหน่งในสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. และมีตำแหน่งเป็นถึงรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท. จากนั้นได้หวนกลับมาที่ประชาธิปัตย์อีกครั้ง และลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเมื่อปลายปี 2561 ก่อนเลือกตั้งปี 2562 แต่พ่ายแพ้ให้กับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยในครั้งนั้นแข่งขันกัน 3 คน คือ อภิสิทธิ์ หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม และ "อลงกรณ์" ซึ่งเจ้าตัวมีคะแนนรั้งท้าย ได้อันดับ 3
