svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

นอนคนละฝั่ง! หันหลังให้อีกฝ่าย "ก้าวไกล" ทลาย "เพื่อไทย" กดให้จมแช่แข็งในสภาพการเมืองแบบเก่า

30 มิถุนายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ในทางการเมือง “แบบเดิมๆ” ต้องบอกว่าเพื่อไทยชนะในเกม เรียกว่า “โชว์เหนือ” อย่างชัดเจน จนก้าวไกลคล้ายเป็น “เบบี๋” กันไปเลย

แต่การเมืองสมัยใหม่ ประชาชนไม่ได้มีอำนาจแค่ 2 นาที ในคูหาเลือกตั้ง แต่โซเชียลมีเดียทำให้เสียงของประชาชนมีพลัง และติดตามตรวจสอบนักการเมืองได้ แม้เข้าสู่อำนาจแล้ว

หากมองในมุมนี้ ต้องบอกว่า “เพื่อไทย” เสียมากกว่าได้ และยิ่งสะท้อนให้เห็นวิธีคิด รวมถึงแนวทางการทำการเมืองของทั้งสองฝ่าย ว่าเดินคนละทาง หันหลังให้กันอย่างแท้จริง (ต้องอยู่ด้วยกันเพราะโดนคลุมถุงชน)

นอนคนละฝั่ง! หันหลังให้อีกฝ่าย \"ก้าวไกล\" ทลาย \"เพื่อไทย\" กดให้จมแช่แข็งในสภาพการเมืองแบบเก่า

“เนชั่นทีวี” โดยรายการ “มอร์นิ่งเนชั่น” สัมภาษณ์พิเศษ “กูรูทางวิชาการ” 2 ท่าน เพื่ออธิบายสถานการณ์ฝุ่นตลบในช่วงนี้

คนแรก รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก มองผ่าน “แว่นขยายการเมือง” อย่างน่าสนใจ ดังนี้ 

1. เชื่อว่า ข่าวเพื่อไทยยอมถอยที่ออกมาล่าสุดเมื่อคืน มาจากฝั่งเพื่อไทยจริง

2. เป้าหมายของข่าวปล่อย ก็คือ “แหวกหญ้าให้งูตื่น” งูที่ว่านี้คือ ส.ว. ทำให้ตื่นกันทั้งดง

รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก

นัยที่เพื่อไทยต้องการสื่อ หรือแหวกหญ้าให้งูรับรู้ คือ ส.ว. อย่าโหวตให้พิธา รอโหวตให้แคนดิเดตของเพื่อไทยดีกว่า

3. เพื่อไทยใช้ตำแหน่งประธานสภามาเป็นตัวเล่น ทำทีว่าอยากได้ แต่จริง ๆ จะเอาตำแหน่งนายกฯ (และถ้าได้ประธานสภาด้วยยิ่งดี)

มองในมุมการสื่อสารทางการเมือง ตามแนวถนัดของอาจารย์

- ก้าวไกลใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว แกนนำไม่เคลื่อน ไม่ขยับ ไม่แสดงความเห็น แต่ใช้ “ด้อมส้ม” สื่อสารแทน และมีพลังกว่า ตัวพรรคและแกนนำไม่เสียหาย 

- ฝ่ายเพื่อไทย ใช้แกนนำเดินเกม การสื่อสารมีแต่ความสับสน ขัดแย้ง ไม่ลงรอยกันเองภายในพรรค ทำให้เสียคะแนนนิยม

- ท่าทีของเพื่อไทย คือเล่นเกมไปเรื่อย ๆ เพื่อรอสัญญาณบางอย่างจากใครบางคนหรือเปล่า ทำให้ตัวแสดงที่ออกมาหลาย ๆ คน ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง พูดจาย้อนแย้งกับที่ตัวเองเคยพูดมา ความน่าเชื่อถือล้มละลายหายไปหมด

นอนคนละฝั่ง! หันหลังให้อีกฝ่าย \"ก้าวไกล\" ทลาย \"เพื่อไทย\" กดให้จมแช่แข็งในสภาพการเมืองแบบเก่า

- หมอชลน่านเสียเครดิต พูดเรื่องคลุมถุงชน เพราะประชาชนคาดหวัง 2 พรรคนี้จะหยุดระบอบ 3ป. ด้วยกัน

เมื่อพูดเรื่องคลุมถุงชน ทำให้ตีความได้ว่า เพื่อไทยไม่ได้เต็มใจให้เป็นแบบนี้ จึงย้อนแย้งกับสิ่งที่ตัวเองพูดและกระทำ โดยเฉพาะวันเซ็นเอ็มโอยู 8 พรรค และวันแถลง 30 พ.ค. ที่ทำสัญลักษณ์มือรูปหัวใจ สรุปทำเพราะความขมขื่นหรืออย่างไร

- การสื่อสารของเพื่อไทยไม่มีเอกภาพ รอสัญญาณ มีคนคอยถือรีโมตว่าพรรคควรไปทางไหน คนมองออก ทำให้พรรคกลายเป็นจำเลยของสังคม

โลกวันนี้เปลี่ยนไปมาก สื่อทุกสื่อ แอปทุกแอป ถ่ายทอดสิ่งที่พูดและท่าทีต่าง ๆ ที่เคยแสดงทั้งหมด ถ้าจะกลับลำ คนเขารู้ไปแล้ว ต้องมีเหตุผลมากพอ ถ้าจะกลับลำ ต้องขอโทษ แต่เพื่อไทยยังไม่เคยขอโทษ การสื่อสารเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของพรรคมากกว่าประชาชน

- โจทย์ยากของเพื่อไทยหลังจากนี้ คือ จะเดินเกมอย่างไรต่อไป และจะหาใครออกมาพูดให้คนเชื่อ

- หากสุดท้ายเพื่อไทยตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว จับมือพลังประชารัฐ หรือปล่อยให้สถานการณ์เลยไปถึงขั้น “ลุงป้อม” เป็นนายกฯ ความวินาศสันตะโรจะเกิดขึ้นแน่นอน

นอนคนละฝั่ง! หันหลังให้อีกฝ่าย \"ก้าวไกล\" ทลาย \"เพื่อไทย\" กดให้จมแช่แข็งในสภาพการเมืองแบบเก่า

อ.นันทนา เสนอว่า ทั้งก้าวไกล และเพื่อไทย หากไม่มีกันและกัน จะไปต่อไม่ได้เลย ฉะนั้นสองพรรคนี้ควรนำฉันทามติประชาชนเป็นตัวตั้ง ประคับประคองจับมือกันอลุ้มอล่วยกันให้มากที่สุด

โดยเฉพาะเพื่อไทย จำเป็นต้องร่วมมือกับก้าวไกลเท่านั้น ถ้าไปจับมือกับอีกขั้ว จะสูญสลายความน่าเชื่อถือไปเลย ก่อนเข้าประตูวิวาห์ อย่าบอกว่าฉันไม่ชอบเธอ แต่จำต้องแต่งงานกับเธอ แบบนี้ไปไม่รอดตั้งแต่ต้น ฉะนั้นอย่าพยายามไปนอกลู่นอกทาง ร่วมกันสร้างรัฐบาลในประวัติศาสตร์ที่ขับเคลื่อนโดยประชาชน

รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา มองผ่านเลนส์เอาไว้อย่างคมชัด

- มีความเป็นไปได้ว่าทุกอย่างที่เพื่อไทยทำ ถูกเซ็ตเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ทำให้มีความไม่ไว้วางใจกันมาอย่างต่อเนื่อง และก้าวไกล รู้เงื่อนไขนี้มาตลอด

รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

- ใครที่บอกว่าก้าวไกลเป็น “เด็กน้อย” หรือ “เบบี๋ทางการเมือง” อาจจะต้องคิดใหม่ เพราะ ตั้งแต่มีเรื่องประธานสภา และการตั้งรัฐบาล ก้าวไกลทำลายความน่าเชื่อถือของพรรคเพื่อไทย กระทั่งอีกฝ่ายล้มละลายทางความน่าเชื่อถือ แกนนำพรรคพูดอะไรไม่มีใครเชื่อ

ก้าวไกลทำลายภาพความเป็นพรรคของประชาชนของเพื่อไทย จนกลายเป็นพรรคที่เล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์เฉพาะหน้า คนเดือนตุลาฯในพรรคไม่เหลือเครดิต

- ก้าวไกลทลายเพื่อไทยให้อยู่ในสภาพการเมืองแบบเก่า นี่คือชั้นเชิงก้าวไกล

- มองฝั่งเพื่อไทย ต้องบอกว่าถึงนาทีนี้หมดต้นทุนแล้ว จึงต้องแบไต๋ เพราะนี่คือสงครามครั้งสุดท้าย

เพื่อไทยผิดพลาดในการประเมินสถานการณ์ของสังคม ตัดสินใจอะไรไป กลับลำทุกครั้ง การเล่นละครแบบเดิม ทำลายผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหมด โดนเด็กก่นด่า วิจารณ์ สามัญสำนึกและวุฒิภาวะไม่เหลือเลย

นอนคนละฝั่ง! หันหลังให้อีกฝ่าย \"ก้าวไกล\" ทลาย \"เพื่อไทย\" กดให้จมแช่แข็งในสภาพการเมืองแบบเก่า

เพื่อไทยล้มเหลวในการวางแผนการเลือกตั้ง ยังคิดว่าคุณทักษิณขายได้ เพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ แต่ปรากฏว่าขายไม่ได้ เพื่อไทยเป็นพรรคอันดับ 2 นิยามตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แต่ขณะนี้เริ่มถูกตั้งคำถามอย่างหนาหู

หากต้องมองอนาคตของ 2 พรรค ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน 

- นิยามประชาธิปไตยของก้าวไกล และเพื่อไทย ไม่ตรงกัน ลึก ๆ สองพรรคนี้ขบกันมาตลอด พอจำต้องมาร่วมกัน จึงเหมือน “นอนเตียงเดียวแต่คนละฝั่ง” ขัดแย้งกัน เพราะเป้าหมายไม่ตรงกัน ยากมากที่จะไปด้วยกันได้

- นโยบายของก้าวไกลกระทบกับสถานะของหลายฝ่าย ทั้งข้าราขการ ฝ่ายการเมือง กลุ่มทุนผูกขาด ขณะที่เพื่อไทยทำทุกอย่างให้ตัวเองอยู่ได้ โอกาสพลิกข้างก็ยังมี

- ถ้าเป็นรัฐบาลด้วยกัน แล้วปล่อยให้ก้าวไกลทำตามนโยบาที่ประกาศ เพื่อไทยก็พัง อยู่ได้หรือไม่ ถ้าโดนทลายกลุ่มทุนผูกขาด ปฏิรูปกองทัพ เพื่อไทยจะอยู่ได้อย่างไร เพราะเป้าหมายคือใครบางคนต้องการกลับบ้าน

- อีกด้านหนึ่ง ถ้าเพื่อไทยบีบให้ก้าวไกลไม่แก้ 112 ไม่ปฏิรูปกองทัพ ต้นทุนก้าวไกลจะหายไปหมดเช่นกัน

นอนคนละฝั่ง! หันหลังให้อีกฝ่าย \"ก้าวไกล\" ทลาย \"เพื่อไทย\" กดให้จมแช่แข็งในสภาพการเมืองแบบเก่า

ข้อเสนอดีที่สุดถึง 2 พรรค ตัวเต็ง

- ทางออกที่ดี ทั้ง 2 พรรคและ 8 พรรคร่วมฯ ควรฟังเสียงประชาชน

- สังคมเปลี่ยนไปหมดแล้ว ที่ผ่านมาเลือกตั้งจบ นักการเมืองจะตัดตอน ทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องสนใจประชาชน แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ ทุกอย่างที่เคยเป็นเหมือนในอดีตจบไปหมดแล้ว พรรคการเมืองต้องฟังเสียงประชาชน แล้วกำหนดยุทธศาสตร์ต่อ

นอนคนละฝั่ง! หันหลังให้อีกฝ่าย \"ก้าวไกล\" ทลาย \"เพื่อไทย\" กดให้จมแช่แข็งในสภาพการเมืองแบบเก่า

- ถ้า “พิธา” ไปต่อไม่ได้ จะเป็นความชอบธรรมของพรรคอันดับ 2 แต่ต้องทำให้โปร่งใส ทำนโยบายอย่างไรให้พอรับได้ทั้งสองฝ่าย ก้าวไกลก็ทำงานได้ เพื่อไทยก็อยู่ได้ด้วย แต่ถ้าทำงานการเมืองแบบเดิม ใช้เล่ห์เพทุบายเพื่อให้ได้อำนาจมาโดยไม่สนใจวิธีการ อยากบอกว่าเรื่องแบบนี้มันใช้ไม่ได้แล้วกับการเมืองปัจจุบัน ทุกอย่างต้องตรงไปตรงมา เข้าใจง่าย

- สองพรรคนี้เป้าหมายคนละด้านจริง ๆ แต่จำเป็นต้องมาอยู่ร่วมกัน ฉะนั้นทางออกคือ ทำในสิ่งที่เห็นพ้องต้องกัน หลัก ๆ คือยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทำนโยบายที่ทุกพรรคเห็นพ้อง รอกติกาที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย (รัฐธรรมนูญ) แล้วยุบสภาเลือกตั้งใหม่

logoline