svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ทนายธีรยุทธ"ร้องศาลรัฐธรรมนูญสั่ง"พิธา-ก้าวไกล"หยุดแก้ไข ม.112

16 มิถุนายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ทนายธีรยุทธ" ร้องศาลรัฐธรรมนูญ สั่ง "พิธา-ก้าวไกล" เลิกทำนโบายแก้ไข มาตรา 112 เหตุมุ่งหวังประโยชน์ทางการเมืองและเจตนาไม่บริสุทธ์ หวั่นนำไปสู่ประชาธิปไตยแบบอื่น

16 มิถุนายน 2566 "นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร" ทนายความอิสระ ได้เข้ายื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยสั่งให้ "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 2 ให้เลิกทำนโยบายการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และขอให้เลิกการให้สัมภาษณ์ ป้ายโฆษณาโฆษณาใดๆ

ทั้งนี้ โดยอ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 หากมีการพบเห็นการกระทำที่เข้าข่ายเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันอาจจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ใช้สิทธิยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด และได้ยื่นคำร้องไปเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2566 เมื่อครบ 15 วันแล้วอัยการยังไม่ได้สั่งการใด เป็นสิทธิที่จะยื่นร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้  

ธีรยุทธ สุวรรณเกษร

นอกจากนี้ ยังได้ยกกรณี ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกี่ยวกับกรณีที่กลุ่มบุคคลและองค์กรเครือข่ายได้เสนอข้อเรียกร้อง 10 ข้อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง กระทบกระเทือนถึงสถาบันหลักของชาติ ซึ่งในขณะนั้นศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้เลิกการกระทำอันกระทบกระเทือนสถาบัน เพื่อเป็นการหยุดยั้งไม่ให้ลุกลามจนเกิดอันตรายแก่สถาบัน 

"วันนี้จึงเดินทางมายื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายพิธาและพรรคก้าวไกล เลิกการดำเนินการใดๆหรือการกระทำใดๆ เพื่อยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 รวมไปถึงให้เลิกแสดงความเห็น เลิกพูด เลิกเขียน เลิกพิมพ์ เลิกโฆษณษา และสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 ที่กระทำอยู่ในขณะนี้และจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นกับสถาบันจึงต้องตัดไฟแต่ต้นลม" นายธีรยุทธ กล่าว

ธีรยุทธ สุวรรณเกษร

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าเป็นการกระทำที่มุ่งหวังผลประโยชน์ทางการเมือง จึงอาจเข้าข่ายมีเจตนาไม่สุจริต มีกระทบกระเทือน หรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน นำไปสู่การทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และนำไปสู่ระบอบประชาธิปไตยแบบอื่นหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นย่อมไม่ไกลเกินเหตุที่จะเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

"มีหลายประเด็นที่เห็นว่าเข้าข่าย ต้องโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 19/2564 ที่ศาลวินิจฉัยไว้เบื้องต้นว่า การยกเลิกหรือการแก้ไขกฎหมายใด ที่มีไว้เพื่อห้ามไม่ให้ผู้ใดล่วงละเมิด หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ สถาบันพระมหากษัตริย์ การกระทำนั้นได้มีคำสั่งห้ามไปแล้วในคำวินิจฉัยดังกล่าว" นายธีรยุทธกล่าว 

นายธีรยุทธ กล่าวต่อว่า คำร้องนี้แตกต่างจากคำร้อง ที่สำนักงาน กกต. ตีตก ซึ่งคำร้องนั้นอ้างอิงถึงกฎหมาย พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ขณะที่คำร้องวันนี้ (16มิ.ย.) อ้างถึงรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 เห็นเจตนารมย์ของศาลรัฐธรรมนูญว่า "เป็นการดับไฟตั้งแต่ต้นลม มิให้ความร้ายแรงนั้น จะพึงเกิดขึ้นในภายภาคหน้า" ส่วนพยานหลักฐานต่างๆที่ได้มาเรียนต่อศาล ขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาล ที่จะชี้แนะต่อไป ซึ่งผู้ร้องทำคำร้อง 18 หน้า และเอกสารพยานหลักฐานทั้งหมด 98 แผ่น

logoline