โหมวาทกรรม"นิติสงคราม"ส่งสัญญาณกดดันอำนาจเก่า ปลุกเร้า"ม็อบเผชิญหน้า"
การเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนระหว่างฝ่ายปกป้องสถาบันกับฝ่ายสนับสนุน"พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯโดยเร็ว กลับมาปรากฎภาพชัดขึ้นเรื่อยๆ จนฝ่ายความมั่นคงประเมินอาจเป็นสัญญาณ"ม็อบเผชิญหน้า"
จากข้อกังวลของหลายๆ ฝ่าย โดยเฉพาะ "อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์" นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ออกมาเรียกร้องให้สังคมเร่งตระหนักถึงสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมือง
กอปรกับปฏิทินทางการเมืองได้ขยับเข้าใกล้วันที่ 24 มิถุนายน อันเป็นวันครบรอบ 80 ปี การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยโดยคณะราษฏร
ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองไทยภายหลังเลือกตัง สังคมกำลังเฝ้าจับตามองชัยชนะของ"พรรคก้าวไกล" จะนำพาให้"พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่
ยิ่งวันเวลาที่ถูกทอดยาวออกไปจนมาถึงห้วงเดือนสำคัญ "มิถุนายน" จึงมีความหมายหลายอย่างที่จะเกิดขึ้น
"เนชั่นทีวี" จึงนำมาขยายความกันต่อกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นตั้งแต่สัปดาห์นี้ เป็นต้นไป ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่า "สัญญาณม็อบเผชิญหน้า" เริ่มขึ้นแล้ว
เริ่มกันช่วงต้นสัปดาห์ วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายนนี้ กลุ่มมวลชนที่เรียกตัวเองว่า "คณะประชาชนคนรักในหลวง" นัดรวมตัวที่อาคารรัฐสภา เวลา 10.00 น. โดยมีข่าวว่าจะมากันหลักหมื่นคน และมาจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
จุดประสงค์ที่มาชัดเจนสุดๆ คือ ให้กำลังใจ ส.ว. อย่าสนับสนุนพรรคการเมืองที่คิดล้มล้างทำลายสถาบันหลักของชาติ ซึ่งพรรคการเมืองที่ว่านี้เป็นพรรคไหนในความหมายของมวลชนกลุ่มนี้ คงไม่ต้องขยายความ
"คณะประชาชนคนรักในหลวง"มีที่มาที่ไปอย่างไร ที่ผ่านมามีความพยายามจัดกิจกรรม "โครงการปกป้อง เชิดชู 3 สถาบันหลัก" ในพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เเละทุกจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่าแกนนำหลักในการขับเคลื่อนคือ "ประยูร จิตรเพชร" ประธานคณะกรรมการคณะประชาชนคนรักในหลวง โดยจะเป็นผู้นำมวลชนเดินทางมาที่รัฐสภา ฝั่งหน้ารัฐสภาด้านประตู สว. ถ.สามเสน เพื่อแสดงพลัง เป็นกำลังใจให้กับ ส.ว.โดยการไม่ยกมือโหวตให้กับพรรคการเมืองที่ต้องการแก้ไข"มาตรา 112"
ทั้งนี้แกนนำได้ประสานจนท.ตร.ในพื้นที่เพื่อขอจัดกิจกรรมการชุมนุมสาธารณะทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้ มวลชนกลุ่มดังกล่าวจะได้รับการสมทบ จากแกนนำมวลชนสาขาในพื้นที่ กทม.และจังหวัดปริมณฑล โดยวางปฏิทินนัดหมายล่วงหน้าจะมาแสดงพลังอีกครั้งในวันโหวตเลือกนายกที่รัฐสภาอีกด้วย
ฉะนั้น ความเคลื่อนไหวของกลุ่มรักสถาบัน เป็นการขยับหลังจากฝ่าย "ด้อมส้ม" สะสมพลังมาระยะหนึ่ง
ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา "พิธา" ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ไปทักทายแฟนคลับ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไปมาแล้ว ทั้ง กทม.-ลานคนเมือง จังหวัดนนทบุรี สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง / และล่าสุดคือภูเก็ต ซึ่งหากนับครั้งที่ "รังสิมันต์ โรม" เดินทางไปก่อนหน้านี้ ก็นับเป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางไป
ยิ่งไปกว่านั้น สัปดาห์หน้า วันที่ 14-15 มิถุนายน "พิธา"จะเดินทางขึ้นเหนือ ไปที่ลำพูน ลำปาง และเชียงใหม่
จะเห็นได้ว่า ทุกจังหวัดที่ "ว่าที่นายกฯพิธา" เดินทางไป ล้วนเป็นจังหวัดที่ชนะยกจังหวัด หรือแลนด์สไลด์ ได้เกินครึ่งทั้งสิ้น เพื่อยืนยันว่า "พรรคก้าวไกล"เป็นพรรคที่ได้รับเจตจำนงของประชาชนในประเทศให้มาเป็นรัฐบาลจริงๆ
อย่างเชียงใหม่ เมืองหลวงของเพื่อไทย แต่ก้าวไกลได้มา 7 จาก 10 เก้าอี้ , ลำปาง ที่เพื่อไทยเคยครองทั้งจังหวัดมาหลายสมัย แต่หนนี้ก้าวไกลกวาดไป 3 จาก 4 เก้าอี้ , ขณะที่ลำพูน ก็แบ่งมาได้ 1 จาก 2 เก้าอี้
ไม่ใช่แค่เดินสายเอง แต่อีกด้านหนึ่งก็มีกลุ่มพลังมวลชนเดินสายไปกดดันองค์กรอิสระ โดยเฉพาะ "กกต." อย่างเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน "กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย" ไปกดดัน กกต. เรียกร้องให้รีบรับรองผลการเลือกตั้ง ให้เวลาถึงวันที่ 20 มิถุนายน และให้ตีตกคำร้องที่กล่าวหา"พิธา"และพรรคก้าวไกลทั้งหมด โดย"กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย" นัดรวมตัวกดดัน กกต.อีกครั้งในวันที่ขีดเส้นตายเอาไว้ คือ 20 มิถุนายน
ขณะที่ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้เตือนเรื่อง"นิติสงคราม"และยังเคยโพสต์ขู่ว่าหากมีขบวนการสกัดกั้น"พิธา "จะเจอมวลชนเหนือจรดใต้
สอดคล้องกับที่บรรดาสาวกแฟนคลับแม้แต่คนในพรรคก้าวไกลเริ่มมีการผลิตวาทกรรม"นิติสงคราม" ออกมาเผยแพร่แบบซ้ำๆ เพื่อให้ขยายวงกว้างออกไปมากที่สุด แม้แต่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ ก็ยังได้นำภาพและข้อความซึ่งเจ้าตัวเคยกล่าวไว้เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564 มาโพสต์อีกครั้งเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2566
สถานการณ์แบบนี้ มีรายงานว่าฝ่ายความมั่นคงประเมินทิศทางของบ้านเมือง โดยมีการประชุมนอกรอบกันของตัวแทนทุกเหล่าทัพ รวมทั้งตำรวจ สรุปสาระสำคัญได้ว่า
-จะมีมวลชนออกมาทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งกลุ่มสนับสนุนก้าวไกล และกลุ่มรักสถาบัน
-อาจนำไปสู่การเผชิญหน้า หากเงื่อนไขทางการเมืองเข้าทาง
เงื่อนไขการเมืองที่เข้าทาง คือ "พรรคก้าวไกล"ตั้งรัฐบาลไม่ได้ หรือ "พิธา"เจออุบัติเหตุทางการเมือง เพราะขณะนี้มีการอุ่นเครื่อง สะสมพลัง รอเพียงจังหวะเวลาที่สุกงอม