22 พฤษภาคม 2566 การแถลงข่าวลงนามข้อตกลงร่วม (MOU) ในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งนำโดย "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย 7 พรรคการเมือง ณ ห้องบอลรูม โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ
โดยนายพิธา กล่าวว่า บันทึกความเข้าใจร่วมกันครั้ง ซึ่งถือเป็นวันสำคัญ เพราะตรงกับวันที่ 22 พ.ค. ในการปฏิวัติของประเทศไทย และครบรอบการรัฐประหารเมื่อปี 2557 และการแถลงข่าวครั้งนี้ ถือเป็นการเซ็ทข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาล เพื่อสะท้อนความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านมาสู่ระบบประชาธิปไตย รัฐสภา อย่างสันติ
สำหรับจุดประสงค์การร่วมลงนามครั้งนี้ เป็นการรวบรวมวาระร่วมที่เห็นตรงกัน และพร้อมผลักดันผ่านกลไกรัฐบาล รัฐสภา และเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน และเป็นความตั้งใจผลักดันวาระร่วมกันเสนอต่อประชาชนทั้งประเทศ
ส่วนเนื้อหาบันทึกความเข้าใจร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล ทำขึ้นเพื่อสร้างพื้นฐานจัดตั้งรัฐบาลทำงานร่วมกัน ประกอบด้วย ก้าวไกล เพื่อไทย ประชาชาติ ไทยสร้างไทย เสรีรวมไทย เพื่อไทยรวมพลัง เป็นธรรม และ พลังสังคมใหม่ โดยทุกเพรรคเห็นตรงกัน ผลักดันไม่กระทบรูปแบบต่อรัฐตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การดำรงอยู่อันเป็นที่เคารพ ต่อพระมหากษัตริย์ฯ
อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อตกลงร่วมกัน คือ
-พื้นฟูประชาธิปัตย์ โดยมีสสร.มาจากการเลือกตั้ง โดยตรงจากประชาชน
-ผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม ไม่ขัดแย้งต่อหลักศาสนาที่นับถือ
-ปฏิรูประบบราชการ ตำรวจ ทหาร กระบวนการยุติธรรม ให้เป็นไปตามหลักสากลและประชาธิปไตย
-เปลี่ยนการเกณฑ์ทหาร เป็นสมัครใจ เว้นแต่เกณฑ์เมื่อเกิดยามศึกสงคราม
-สร้างสันติภาพชายแดนภาคใต้ คำนึงหลักสิทธิมนุษยชน การมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน การบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคง
-กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นอย่างเหมาะสม แก้ทุจริต
-ฟื้นเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ประชาชนลดเหลื่อมล้ำ สร้างระบบเศรษฐกิจเติบโตเป็นธรรม
-ยกเลิกกฎหมายที่ขัดขวางประชาชนในการทำมาหากิน เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับเอสเอ็มอี และเพิ่มจีดีพี เอสเอ็มอี เพื่อไปแข่งขันตลาดโลก
-เลิกการผูกขาด ส่งเสริมเป็นอุตสาหกรรม ในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยประชาชาติ ขอสงวนสิทธิไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้
-ปฏิรูปที่ดิน กระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม ทบทวนดคีทวงคืนผืนป่า
-ทบทวนการผลิตไฟฟ้าเหมาะสม สร้างมั่นคงพลังงาน
-ทำงบแบบใหม่ โดยใช้ฐานศูนย์
-สร้างระบบสวัสดิการดูแลประชาชนแต่แรกเกิดถึงผู้สูงวัย
-แก้ยาเสพติดเป็นเรื่องเร่งด่วน
-นำกัญชากลับไปสู่บัญชียาเสพติด
-ส่งเสริมเกษตรปศุสัตว์ปลอดภัย และแหล่งน้ำ เพื่อรักษาประโยชน์เกษตรกร แปรรูปเพื่อเกิดมูลค่า
-แก้ไขกฎหมายประมง ขจัดอุปสรรค เยียวยา ฟื้นฟูอย่างยั่งยืน
-ยกระดับสิทธิแรงงาน จ้างงาน รับค่าแรงเป็นธรรม
-ยกระดับสาธารณสุข ให้ประชาชนเข้าถึงบริการ ส่งเสริม ป้องกัน รักษา ฟื้นฟูเท่าเทียม
-ปฏิรูประบบการศึกษา เพิ่มคุณภาพ ลดเหลื่อมล้ำ
-สร้างความร่วมมือกลไกภายในและระหว่างประเทศ เรื่อง ฝุ่นพิษ และการลดก๊าซเรือนกระจก
-ดำเนินการด้านต่างประเทศ โดยเฉพาะพื้นบทบาทผู้นำไทย ตลอดความร่วมมือต่างๆ ภาคี รักษาสมดุลการเมือง ระหว่างไทยและมหาอำนาจ
อย่างไรก็ตาม ทุกพรรคเห็นพ้อง ด้วยแนวทางปฏิบัติ โดยทุกพรรคคุ้มครองสิทธิพลเมืองการเมืองทุกคน ทำงานโดยซื่อสัตย์สุจริต หรือบุคคลพรรคใดไม่กระทำตาม ทุกพรรคจะยุติการดำรงตำแหน่งของบุคคลนั้นทันที ทำงานให้เกียรติ จริงใจ สนับสนุน ยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง มากกว่าพรรคใด ทุกพรรคมีสิทธินำเสนอนโยบายของตัวเอง แต่ต้องไม่อาศัยความเป็นรัฐมนตรี หรือผลักดันเพิ่มเติมโดยไม่ขัดแย้งต่อนิติรัฐ ในการสังกัดแต่ละพรรคการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเป็นการลงนามของหัวหน้าแต่ละพรรคการเมือง อย่างไรก็ตาม ระหว่างการแถลงข่าวได้มี "นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์" อดีตนักการเมือง มาร่วมรับฟังการแถลงในครั้งนี้ด้วย