
17 พฤษภาคม 2566 สมาคมวารสารศาสตร์ธรรมศาสตร์ และ สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ร่วมจัดงานเสวนา ภายใต้หัวข้อเรื่อง "อนาคตประเทศไทย จุดเปลี่ยนที่ท้าทาย" โดยมีนักการเมือง และนักวิชาการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเสวนา
น.ส.วทันยา บุนนาค (มาดามเดียร์) ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกทม. พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ความท้าทายของประเทศไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองเท่านั้น แม้การเมืองจะมีส่วนสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับหลายเรื่อง ทั้ง คุณภาพชีวิต คุณภาพของสังคมและกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ในระบบอุปถัมภ์ที่ยังไม่เสื่อมสลาย หรือคลายตัว วันนี้จึงมีโจทย์สำคัญ คือ ปัญหาความเหลื่อมล้ำทั้งได้ขยายตัวและกดทับเยาวชน ทำให้เกิดคำถามกับสังคม เช่น การปฏิรูปกระบวนการศึกษา ระบบการเรียน รวมถึงภาวะความผันผวนในประเทศไทย ทำให้คนรุ่นใหม่ต้องการความเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้องกับอนาคตของตนเอง
"คนรุ่นใหม่ไม่ได้ชังชาติ แต่เขามีจุดหมายเดียวกัน คือ อยากเห็นประเทศไทย เห็นคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะทุกคนเจอภาวะปัญหาที่แตกต่างกัน ทำให้วิธีเรียกร้องต่างกัน ส่วนผู้ใหญ่มองกระพี้ของปัญหา มองการเรียกร้องของเด็กคือความก้าวร้าว ปิดกั้นการรับฟังความเห็นโดยไม่มองแก่นของปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่แนวโน้มของโลกมีการแบ่งขั้วแบ่งฝ่าย ตนฐานะนักการเมืองและคนที่อาสามาทำงาน ขอทำหน้าที่คนไทยเพื่อรักษาประโยชน์ของคนไทยและประเทศ" น.ส.วทันยา กล่าว
ด้าน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาตร์และนโยบายพรรคเสรีรวมไทย เปิดเผยว่า ช่วง 60 วันหลังการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องรับรองผลการเลือกตั้ง ส่วนตัวเชื่อว่า กกต. จะไม่ให้ใบเหลือง หรือ ใบแดง จำนวนมาก เพื่อรับรองส.ส.ให้ครบ 95% เพียงพอจะเปิดประชุมสภาฯ ทั้งนี้หลังการรรับรองส.ส.แล้ว จะมีข้อสรุปต่อคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล เชื่อว่า กกต. จะวินิจฉัยหลังจากที่รับรองนายพิธา เป็นส.ส. ก่อนที่จะเสนอชื่อให้รัฐสภา เพื่อให้เรื่องนำไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญ
"หากคำวินิจฉัยผ่าน ด่านที่ต้องเจอ คือ การโหวตเลือกนายกฯ โดยที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งดูบรรยากาศแล้วไม่ดี เพราะ ส.ว.มีทัศนคติที่ไม่ดี และทำให้การเสนอชื่อ นายพิธา โหวตไม่ถึง 376 เสียง โดยไม่เชื่อว่าจะมีการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย และให้เสียง ส.ว.สนับสนุน เพราะมีปัญหาต่อการทำงานสภาฯ โดยเฉพาะการลงมติร่างกฎหมายงบประมาณ เชื่อว่าการประชุมโหวตนายกฯ ครั้งแรก จะทำให้ไม่ได้ ตัวนายกฯ ทำให้ต้องแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ อย่างไรก็ดีในเงื่อนไขเรื่องคุณสมบัติ หากนายพิธา ไม่ผ่าน พรรคเพื่อไทยมีโอกาสเสนอชื่อแคนดิเดตของพรรคให้รัฐสภาโหวต ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องง่ายกว่า โดยเฉพาะวิธีการจัดการกับส.ว. และได้เสียงสนับสนุนเกิน 376 เสียง ภายใต้รัฐบาล 310 เสียง" นายสมชัย ระบุ
ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า การจัดตั้งรัฐบาลไม่ว่าแบบไหน ประเทศไปได้ เพราะทุกพรรคบริหารงานในภาครัฐ แต่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจคือ เอกชนที่มีความต้องการมั่นคง ราบรื่น ไม่มีความวุ่นวาย ตนมองว่าขณะนี้ไม่มีความวุ่นวาย หลังจากนี้ในขั้นตอนหลังเลือกตั้งจะเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย ขณะที่การเสนอนโยบายแก้ไขเรื่องต่าง ๆ ต้องใช้กระบวนการนิติบัญญัติที่ไม่ง่ายและต้องใช้เวลา
โดยตนเห็นด้วยที่จะถึงเวลาจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ เริ่มในขั้นตอนของการทำประชามติ ซึ่งเป็นเรื่องของนักการเมือง แต่ตนไม่อยากเหน็บใครว่าต้องการรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน แต่เห็นนักการเมืองร่างแล้ว แต่ยัดใส่มือประชาชนเพื่อบอกกว่าเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน หากตั้ง ส.ส.ร. เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญ นักการเมืองอย่าชี้นำ แต่ที่ผ่านมาพบว่ารัฐธรรมนูญที่จัดทำเป็นประเด็นที่นักการเมืองอยากได้
"ส่วนการลงมติเลือกนายกฯ ที่หลายฝ่ายมองถึงบทบาท ส.ว. ผมมองว่า ส.ว.อยู่ในรัฐธรรมนูญ เมื่อมีบัญญัติอย่างไรต้องเป็นแบบนั้น หากด่ามาก ๆ ระวังโดนฟ้องหมิ่นประมาท" นายไพบูลย์ กล่าว