svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"พี่เต้"นำทีมไทยศรีวิไลย์ เปิด 41 นโยบาย ดันคะแนนโค้งสุดท้าย

11 พฤษภาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

“มงคลกิตติ์”นำทีมผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไทยศรีวิไลย์ แถลง 41 นโยบาย ดันคะแนนเสียงช่วงโค้งสุดท้าย เตรียมจัดขบวนแห่รอบกรุงฯ ขอคะแนนจากประชาชนในวันศุกร์นี้

11 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายมงคลกิตติ์  สุขสินธารานนท์  ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วยทีมผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ร่วมกันแถลงข่าว แคมเปญ ‘เปิดนโยบาย 41 ด้าน ของหมายเลข 42 พรรคไทยศรีวิไลย์’ โดยเป็นการประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรคในช่วงโค้งสุดท้าย เพื่อให้ประชาชนพิจารณาเลือกพรรคไทยศรีวิไลย์ ในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคมนี้

โดยนายมงคลกิตติ์ กล่าวก่อนที่จะเข้าสู่การแถลงนโยบายฯ ว่า พรรคไทยศรีวิไลย์ มีความมุ่งมั่นที่จะเสนอนโยบายให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด เพราะที่ผ่านมา หลายๆนโยบายที่หลายพรรคหาเสียง ก็เจอข้อจำกัดเรื่องงบประมาณและวินัยทางการเงินการคลัง ทั้งๆ ที่ตนเชื่อว่า พรรคนั้นๆ ต้องการจะเสนอนโยบายตามความคิดความเชื่อว่าจะต้องใช้เงินจำนวนมากกว่างบประมาณของประเทศเข้ามาแก้ไขปากท้องของประชาชน บางพรรคก็ถูกต้องข้อสงสัยว่า จะหาเงินเพื่อมาทำตามนโยบายจากไหน แต่พรรคไทยศรีวิไลย์ ยืนยันว่า 41 นโยบาย ที่ตนแถลงไปนั้น จะสามารถหาแหล่งที่มาของเงินในการทำนโยบายได้ทั้งหมด

\"พี่เต้\"นำทีมไทยศรีวิไลย์ เปิด 41 นโยบาย ดันคะแนนโค้งสุดท้าย

โดยเฉพาะ การนำเงินที่สกปรกและรั่วไหลจากระบบ มาทำให้เป็นเงินสะอาดที่นำมาพัฒนาประเทศ โดยต้องการให้มีการนำผลประโยชน์มหาศาลที่เคลื่อนไหวในการพนันมาแปรผันเป็นเงินที่ดูแลประชาชนตามหลักของรัฐสวัสดิการ เช่น   การเปิดบ่อนกาสิโนหรือเอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์  ในพื้นที่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจดี โดยจะเน้นให้นักท่องเที่ยวมาเล่น

ส่วนคนไทยจะมีการจำกัดรายได้และวงเงินในการเล่น ซึ่งจะได้รายรับภาษี 3-4 แสนล้านบาท/ปี และเปิดบ่อน vvip สำหรับนักเล่นมีที่ศักยภาพทางการเงินระดับสูง รับปีละ 3-5 หมื่นราย โดยจะต้องมีวงเงินเล่นต่อครั้งไม่น้อยกว่า 50-100 ล้านบาท จะมีรายรับภาษีไม่น้อยกว่า 1.5-2 ล้านล้านบาท/ปี การ การขุดคลองไทย เพื่อนำเงินและผลประโยชน์ที่มีมหาศาลเฉพาะค่าธรรมเนียมการผ่านคลองไทย จะได้ภาษีค่าผ่านคลองปีละ 1.5-2 แสนล้านบาท และจะสร้างเงินให้ประเทศสูงมากกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี เป็นต้น และขอให้ประชาชนสบายใจได้ว่า พรรคไทยศรีวิไลย์จะไม่มีการขึ้นอัตราภาษีจากที่เก็บกันปกติ เพื่อมาสนองนโยบายที่พรรคไทยศรีวิไลย์หาเสียงไว้โดยเด็ดขาด

\"พี่เต้\"นำทีมไทยศรีวิไลย์ เปิด 41 นโยบาย ดันคะแนนโค้งสุดท้าย

ทั้งนี้หลังจากมีการแถลงนโยบายตาม แคมเปญ ‘เปิดนโยบาย 41 ด้าน ของหมายเลข 42 พรรคไทยศรีวิไลย์’ แล้ว ในวันพรุ่งนี้ (12 พฤษภาคม) จะเป็นกิจกรรมของพรรคไทยศรีวิไลย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก่อนที่จะเข้า 100 เมตรสุดท้ายในวันที่ 13 พฤษภาคม คือการบวงสรวงสมเด็จพระเจ้าตากสิน​มหาราช ที่วัดอินทาราม​  หลังจากนั้นจะมีขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่รอบกรุง​โดยจุดเริ่มต้นที่วัดอินทาราม​ วนรอบวงเวียนใหญ่​ สะพานพุทธ​ สนามหลวง​ หัวลำโพง​ เยาวราช​ และไปสิ้นสุดที่บางแค​

เพื่อขอเสียงสนับสนุนจากประชาชนเพื่อให้เลือกพรรคไทยศรีวิไลย์ ให้มากที่สุด เพื่อให้ตนและคนอื่นๆ ในพรรคได้มาทำหน้าที่ในสภาเพื่อดูแลประชาชนภายหลังจากการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยคาดหวังว่า จะได้ที่นั่ง ส.ส. ที่จะสามารถกำหนดได้ว่า ขั้วไหนเป็นรัฐบาล และจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและนโยบายที่พรรคไทยศรีวิไลย์กำหนดตลอดระยะเวลาที่เข้าร่วมรัฐบาลด้วย

พรรคไทยศรีวิไลย์มาเปิดเวทีเพื่อสรุปนโยบาย​ 41​ ด้านเพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนตัดสินใจ​ โดยพรรคจะเน้นเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ​ เพราะต้องถือว่าตอนนี้ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะค่อนข้างวิกฤติ​ มีรายรับไม่พอรายจ่าย​ ​ นโยบายพรรคฯจึงต้องเน้นดูแลประชาชนเป็นหลัก​ ซึ่งตนมองว่าวิธีหาเงินที่เร็วที่สุดคือการเอาเงินสีเทานอกระบบมาใช้​  ​เช่นการทำหวยใต้ดินให้ขึ้นมาอยู่บนดิน​ และเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ (คาสิโน​)​ ให้ชาวต่างชาตินำเงินมาเล่น​ ซึ่งรายได้ในส่วนนี้จะถูกนำมาทำบัตรสวัสดิการคนจน, เงินผดุงเกรียติทหารผ่านศึก, บัตรคนพิการ​และนำไปใช้หนี้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ กู้ยืมมา

รวมทั้ง พรรคยังมีอีกหลายนโยบายที่สำคัญ​ เช่น​การลดค่าไฟ​ ซึ่งผมมองว่าวิธีที่ง่ายที่สุดคือการออกพระราชกำหนดยกเลิกการซื้อไฟฟ้าส่วนเกิน​  และจะออกพระราชกำหนดตัดสินใจซื้อหุ้นปตท.​  เพราะหากปตท.เป็นของรัฐ​  สัมปานการขุดเจาะน้ำมัน​ก็จะเป็นของรัฐ​ ทำให้รัฐจำหน่ายน้ำมันในราคาที่ถูกลงได้​ ส่วนนโยบายที่สำคัญนอกจากเศรษฐกิจ​ ตนจะให้ความสำคัญกับเกษตรกร​ จะจัดตั้งนิคมเกษตรกรรมเพื่อเกษตรกรทุกภูมิภาคของประเทศ​ เน้นแก้หนี้ฟื้นฟูเกษตรกร​และตั้งนิคมอุตสาหกรรมเพื่อทำปุ๋ย​ไว้ใช้เอง​

สำหรับจุดยืนเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 นั้น เห็นว่า แนวคิดของพรรคก้าวไกล​ที่จะลดโทษเหลือ1​ปี​นั้น​ จะทำให้คนที่อยากดูหมิ่นเหยียดหยามทำได้มากขึ้น​ ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของบ่อนทำลายชาติ​ และหากแก้ไขมาตรา112 ไม่ใช่แค่เยาวชนที่ได้รับอานิสงส์ แต่นายธนาธร  จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคพวกจะได้รับอานิสงส์นี้ด้วย ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากกรณีที่กสภาฯ ในสมัยรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มีการร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ โดยตอนแรกมีการอ้างว่า จะช่วยให้มวลชนพ้นผิดและไม่ต้องรับโทษ แต่จากนั้นกลับมีการสอดไส้ให้นายทักษิณ ชินวัตร พ้นผิดจากคดีทุจริตตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา 

ดังนั้นมั่นใจว่าตนจะสามารถทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนเรื่องนี้​ได้ โดยขอรับปากว่าจะไม่ทิ้งเยาวชนที่หลงผิดไปกระทำผิดตามมาตรานี้แน่นอน​และพร้อมจะเป็นคนกลาง​ในการเจรจา ตนพร้อมช่วยทุกคน​ยกเว้นนายธนาธรและแกนนำที่ยุยงน้องๆให้ทำผิดที่ผมจะไม่ช่วย​ 

 

 

logoline