11 พฤษภาคม 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ เข้ายื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อ กกต. ในกรณีการถือหุ้นสื่อของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล โดยระหว่างจะสัมภาษณ์ ได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ถูกผู้เห็นต่างทำร้ายจนเลือดออกปาก ซึ่งนายเรืองไกรมีท่าทีตกใจ ทำให้ต้องขอเปลี่ยนจุดให้สัมภาษณ์เป็นหน้าจุดรับยื่นหนังสือแทน
นายเรืองไกร กล่าวว่า วันนี้ตนได้นำข้อบังคับของพรรคก้าวไกลมายื่นเพิ่มเติม และจับประเด็นว่า นายพิธาจะพ้นจากสมาชิก และหัวหน้าพรรคหรือไม่ เพราะข้อบังคับพรรคก้าวไกลมีการแก้ไขลงในราชกิจจานุเบกษา ปี 2563 ซึ่งข้อบังคับพรรคในข้อ 12,21,37 ซึ่งในข้อ 12 ระบุว่าสมาชิกต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ดังนั้นเมื่อระบุเช่นนี้ มาตรา 98 (3) ก็จะทำให้พ้นสมาชิกหรือไม่ และกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งหัวหน้าพรรค ก็จะต้องขาดจากความเป็นหัวหน้าพรรคโดยสิ้นสุดเฉพาะตัว รวมถึงคณะกรรมการบริหารพรรคต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกลข้อที่ 36
ตนจึงได้ตั้งข้อสังเกตให้ กกต. ตรวจสอบในกรณีที่ถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เข้าข่ายว่าจะมีลักษณะต้องห้ามเป็น ส.ส. รวมถึงเป็นสมาชิกพรรค และหัวหน้าพรรคไม่ได้ ซึ่งผลที่ตามมาในการสมัครเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 3-7 เม.ย. ที่ผ่านมา นายพิธาได้เซ็นรับรองการสมัคร ส.ส. เกือบ 400 เขตและส.ส. บัญชีรายชื่อ ดังนั้นจึงขอให้กกต. ตรวจสอบเพิ่มเติมว่าการยื่นบัญชีรายชื่อ ผู้สมัครส.ส. ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ขอให้กกต. ดำเนินตามกฎหมายต่อไป
เมื่อถามว่า ถ้านายพิธามีความผิดจริง และได้ไปเซ็นรับรองการสมัครส.ส. ของพรรค ถ้าเป็นเช่นนี้การสมัครนั้นจะเป็นโมฆะใช่หรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า ก็ให้กกต. ตรวจสอบว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ต้องถอดสมการว่า การเป็นหัวหน้าพรรคพ้นไปหรือยัง เพราะในข้อบังคับเป็นหน้าที่ของนายทะเบียน แล้วนายพิธาก็ให้สัมภาษณ์ด้วยว่า เรื่องนี้รู้มาตั้งนานแล้ว ซึ่งพรรคเคยมาปรึกษาตนแต่ไม่ได้ยกประเด็นหลักในการปรึกษา แต่ถึงอย่างไรตนก็ได้ให้ความรู้เรื่องกฎหมายไป ตนไม่ได้เลือกที่รักมักที่ซัง
ส่วนที่นายศรีสุวรรณถูกทำร้ายร่างกาย นายเรืองไกร กล่าวว่า “ผมไม่นิยมความรุนแรง แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอ ซึ่งก็ระมัดระวังตัวอยู่ ผมขอให้กำลังใจนายศรีสุวรรณ ในฐานะที่เราใช้สิทธิ์และถูกทำร้ายร่างกายเป็นครั้งที่ 2 ผมไม่อยากให้เกิดตัวอย่างเช่นนี้ในสังคม คนที่บอกว่าอยากได้ประชาธิปไตย แต่ใช้คำหยาบ คำลามก ใช้การกระทำที่ส่อว่าฝ่าฝืนกฎหมาย เช่นที่สถานีตำรวจเมื่อวานนี้(10 พ.ค.) ผมไม่เห็นด้วย ผมอยู่มาทุกม็อบ ไม่สนับสนุนเรื่องอย่างนี้ เขาใช้สิทธิ์แต่ละคนเมื่อถูกดำเนินคดีก็ร้องแรกแหกกระเชอกันไป ก็เอาคำพิพากษาคำฟ้องมาตรวจสิ ถ้ามันไม่ผิดคดีอาญามีข้อสงสัย ศาลท่านก็ตัดสินไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าไปบิด การทำให้สังคมอยู่เย็นเป็นสุข สงบอยุ่ด้วยรู้รักสามัคคีต้องเคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกัน ผมฝากไว้แค่นี้”