ท่าทีของ"พรรคเพื่อไทย" เมื่อถูกตั้งคำถามการจับขั้วรัฐบาล กับ"พรรคพลังประชารัฐ" หรือ "รวมไทยสร้างชาติ" หรือไม่ ดูจะไม่สามารถสร้างความกระจ่างให้สาธารณชน เพราะทั้งแกนนำพรรค หัวหน้าพรรค ไม่ได้ยืนยันว่าเป็นมติกรรมการบริหารพรรค ทำให้พรรคที่อ้างตนมาตลอดเป็น"พรรคฝ่ายประชาธิปไตย" แท้ที่จริงแล้วเป็น"ประชาธิปไตย"แท้หรือเทียมกันแน่ "รายการคมชัดลึก" โดย "วราวิทย์ ฉิมมณี" ได้สัมภาษณ์ "จตุพร พรหมพันธุ์" แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ฉายภาพภายใน"เพื่อไทย"และเหล่าแกนนำพรรคอีกครั้ง
ไม่มีใครทำอะไร “เพื่อไทย” ทำตัวเองไม่ชัดเจน
"วราวิทย์" คุณจตุพรเป็นคนปั่นกระแสช่วยพรรคคู่แข่งพรรคเพื่อไทยหรือเปล่า ว่าจะจับข้ามขั้วจริงๆต้องการจะดิสเครดิต"พรรคเพื่อไทย"
"จตุพร" ความเป็นจริงผมพูดเป็นคนแรกๆเลย และเป็นโอกาสของ"พรรคเพื่อไทย"ในขณะนั้นจะต้องแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน เช่น เป็นมติกรรมการบริหารพรรคประกาศชัดเจนว่าจะไม่มีทางที่จับมือกับ "พลังประชารัฐ" หรือ "รวมไทยสร้างชาติ" ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารให้ถือเป็นมติพรรค
แต่ตลอดระยะเวลาช่วงที่ผ่านมา ไม่มีการตอบอย่างชัดเจน แม้กระทั่งคำถามที่มีต่อหัวหน้าพรรคที่ประกาศบอกเป็นความเห็นส่วนตัวของหัวหน้าพรรค ถ้าผิดไปจากนี้ตัวเองจะลาออก แต่ยังไม่เป็นมติคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งจะแตกต่างไปจากพรรคก้าวไกลเขาจะบอกนี้เป็นมติคณะกรรมการบริหารพรรค เพราะฉะนั้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คนเขาสงสัยตั้งแต่บัตร 2 ใบ ว่าอยู่ดีๆ"พล.อ.ประวิตร"ไปอำนวยการสร้างเรื่องบัตร 2 ใบได้อย่างไร ที่รวมดึงทำให้อายุของกฎหมายเกินเวลาร่างที่จะต้องใช้บัตร 2 ใบ 100 หาร ซึ่งเป็นกติกาที่"พรรคเพื่อไทย"ได้เปรียบสูงสุด
"วราวิทย์" ในทางการเมืองก็ยังเป็นปริศนาทำไมถึงไปทำสิ่งที่เข้าทาง"พรรคเพื่อไทย"ตอนนั้น
"จตุพร" ถูกต้อง เพราะฉะนั้นการตอบของ"คุณอุ๊งอิ๊งค์"หรือแม้กระทั่ง"คุณเศรษฐา" หรือ"คุณหมอชลน่าน"ที่รู้แก่ใจมากที่สุดถึงประกาศว่าถ้าเป็นอย่างอื่นนอกจากนี้ ไปจับมือเขาจะลาออก เพราะเขารู้เหมือนกันว่าพรรคเพื่อไทยอำนาจสูงสุดอยู่ที่ใคร ใครจะพูดอย่างไรก็ไม่เกี่ยว พอถึงเวลาจะมีคนตัดสินใจให้
เพราะฉะนั้นวันนี้เหลืออีกช่องทางหนึ่งเสนอให้"คุณอุ๊งอิ๊งค์"เลย พรรคเพื่อไทยประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและมีมติอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีวันจับมือกับพลังประชารัฐโดยเด็ดขาดก็เท่านี้
"วราวิทย์" คือแถลงร่วมกันเป็นมติคณะกรรมการบริหารพรรค ไม่ใช่พูดคนละทีสองที แต่คนพูดระดับแคนดิเดตนายกฯนะ ตระกูลชินวัตรพูดเองนะ
"จตุพร" ก็ตามกฎหมายหัวหน้าพรรคยังไม่กล้าการันตีเลย สามารถรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้พูดในนามหัวหน้าพรรค แต่ไม่ได้พูดในนามพรรค ถ้าไม่มีทางอื่น ต้องประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่มีวันที่จะจับมือและถ้าจะมีการจับมือให้ประชาชนขับไล่เลย เพราะตลอดระยะเวลาเมื่อเจอคำถามต้องใช้เวลาคิดมาโดยตลอดจนกระทั่ง"พรรคก้าวไกล"ที่ตอบเหมือนกันหมดว่าไม่มีวันจับมือกับ"พลังประชารัฐ"และ"รวมไทยสร้างชาติ" แต่กรณีของ"พรรคเพื่อไทย"อ้อมแอ้มทำตัวน่าสงสารกันเอง ความจริงถ้าฟังคำถามผมเมื่อหลายเดือนก่อนและก็มีมติกรรมการบริหารพรรคป่านนี้ก็จบแล้ว
"จตุพร" คือผมจะเชื่อจนกระทั่งจะตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ เพราะว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมอยู่ในจุดที่ถูกหลอกตลอดเวลา ความน่าเชื่อถือจึงไม่บังเกิดหรือแม้แต่ตอนที่ประกาศกลับบ้าน เอาชีวิตกระบวนคนเสื้อแดงไปแลกยังทำมาแล้ว
ฉะนั้นทุกเรื่องราวคำพูดก่อนที่เราจะพูดเรานาย หลังพูดคำพูดเป็นนายเรา เพราะฉะนั้นเมื่อคนยังสงสัยอยู่ก็ประชุมกรรมการบริหารพรรคนั่งแถลงเลยและก็ไปพิสูจน์กัน
"วราวิทย์" เป็นการปั่นกระแสของคู่แข่งอย่างที่"เพื่อไทย"เขาเชื่อมั้ยครับ
"จตุพร" ไม่มีใครทำอะไรพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยทำตัวเองต่างหาก ในกระดานทางการเมืองประชาชนเขามีสิทธิต้องรู้ว่าคนที่เขาจะเลือกไปนั้นเมื่อประกาศตัวเป็นฝ่ายประชาธิปไตยมากกว่าใครอย่างพรรคเพื่อไทย เขาถามเรื่องจุดยืนทางการเมืองความเป็นจริงตัวเองต้องแสดงความชัดเจนมากกว่า"พรรคก้าวไกล"ซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหม่
แต่นี่ความชัดเจนอยู่ที่พรรคการเมืองที่เกิดขึ้นมาใหม่ เพราะฉะนั้นไม่มีใครปั่นพรรคเพื่อไทยทำตัวเองต่างหาก ถ้าแสดงจุดยืนตั้งแต่ต้นเรื่องนี้ก็จบ ก็วิจารณ์เรื่องอื่นกันต่อไป แต่เพราะพูดจนกระทั่งคนไม่เชื่อถามว่าพูดหลายครั้งทำไมคนไม่เชื่อ เพราะว่าพูดไม่เหมือนกันสักครั้ง เพราะเหตุผลต่างๆที่ถูกนำมาใช้หลังจากการเลือกตั้งนั้นประชาชนเขาจะเจ็บปวด ฉะนั้นก็ให้คำมั่นสัญญากับประชาชนว่าจับมือวันไหนให้ประชาชนขับไล่วันนั้น
"วราวิทย์" ถ้าแบบนั้นจะแสดงความเชื่อมั่นได้
"จตุพร" ถูกต้อง เวลานี้พรรคเพื่อไทยตามความชัดเจนพรรคก้าวไกลไม่ได้
ชมคลิป>>>
"เพื่อไทย" พรรคฝ่ายประชาธิปไตยแบบไหนกันแน่